ขึ้นแบบไร้แรงหนุน
การที่ดัชนีทะยานขึ้นไปถึง 1,384.74 จุด ก่อนจะย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,376.37 จุด บวกไป 6.45 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.17 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ
การที่ดัชนีทะยานขึ้นไปถึง 1,384.74 จุด ก่อนจะย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,376.37 จุด บวกไป 6.45 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.17 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ในมุมของจิตวิทยาการลงทุน เพราะแสดงให้เห็นความตื่นตัวของนักเล่นที่พร้อมกระโจนใส่เมื่อบรรยากาศเอื้ออำนวย และมีความหวังที่จะได้เห็นดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,400 จุดในไม่ช้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนในตลาดหุ้นถวิลหาเป็นเวลานานไงล่ะคะ
น่าเสียดายที่ความเชื่อดังกล่าวอาจถูกดับฝันเมื่อมูลค่าการซื้อขายไม่หนาแน่นอย่างที่ควรจะเป็น เพราะการพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงควรมีมูลค่าการซื้อขายไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้าน ซึ่งเป็นการยืนยันเบื้องต้นได้ในระดับหนึ่งว่า เที่ยวนี้เล่นยาวขึ้น หลังมีนักลงทุนกลุ่มใหม่เข้ามาเล่นด้วย หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ มีเม็ดเงินก้อนใหม่เข้ามาช่วยดันตลาดหุ้น ซึ่งจะทำให้ฐานแนวรับใหม่มั่นคงขึ้นพะย่ะค่ะ
งานนี้ใครจะหาว่า “โมนิก้า” เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายก็ช่างปะไร! เพราะสิ่งที่พยายามอธิบายให้แฟนคลับได้รับรู้มันเป็นข้อมูลที่ใช้ประกอบการลงทุน ซึ่งอาจ “มีประโยชน์” หรือ “ไม่มีประโยชน์” ก็ได้ทั้งนั้น เพราะมันขึ้นอยู่กับนักลงทุนมีมุมมองต่อประเด็นดังกล่าวอย่างไร? และประเด็นนี้ได้รับการพิสูจน์มาไม่ต่ำกว่าครึ่งปีแล้วว่า ดัชนียังคงวนเวียนในกรอบ 1,350-1,400 จุดนะจ๊ะ
โดยเฉพาะตัวดันตลาดหุ้นวานนี้อย่าง DELTA น่าจะเป็นตัวอธิบายการขยับขึ้นลงของตลาดหุ้นไทยได้เป็นอย่างดี เพราะครั้งไหนที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปิดเขียวถ้วนหน้า หุ้นตัวนี้ก็เข้ามามีส่วนร่วมกับตลาดหุ้นเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงอยากชี้ให้แฟนคลับได้เห็นว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 73 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.61 พันล้านบาท โดยมีเรื่องกำไรลดเป็นตัวค้ำคอแบบนี้..มันจะไปได้ยาวจริงเหรอ?
ผิดกับในรายของ TRUE ที่มีด้วยเรื่องเทิร์นอะราวด์ และผลขาดทุนก็ลดลงเรื่อย ๆ จนโบรกเกอร์ต่าง ๆ อัพราคาเป้าหมายขึ้นไปเกิน 10 บาท ก็เป็นประเด็นที่พอเข้าใจได้เหมือนกัน เพราะหลายอย่างเริ่มปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรม “โมนิก้า” ถึงมองการพุ่งขึ้นมาปิดที่ 8.50 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.42 พันล้านบาท มันเป็นสตอรี่ที่ทำให้นักเล่นเชื่อว่า หุ้นยังมีโอกาสไปต่อสูงก็เท่านั้นเองจ้า!
เม้าท์ถึงเรื่องความเชื่อที่ว่า ดีขึ้นทั้งที! ก็จำเป็นต้องเอ่ยถึงการบวกต่อเนื่องวันที่ 2 ของหุ้นร้อน NUSA เพื่อให้แฟนคลับได้เห็นการยืนปิดที่ระดับ 0.40 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 11.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51 ล้านบาท มันเกิดขึ้นในช่วงที่บอร์ดชุดเก่าลาออกยกแผงอย่างเป็นทางการ จึงอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า ปัญหาหลายอย่างเคลียร์กันแล้ว และต่อจากนี้คงไม่มีปัญหามากวนใจอีกหรือเปล่า?..อิอิอิ
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น BLC ที่นอนสลบไสลเป็นเวลานาน จู่ ๆ วานนี้ก็เด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 107 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 4 เดือน ก็เป็นจังหวะที่ชวนให้คิดว่า การขึ้นเที่ยวนี้เกี่ยวกับงบขนาดไหน? และการเทรดบน PE 20 เท่ายังเป็นระดับที่น่าเล่นไหม? ทั้งหมดเป็นเรื่องที่จะได้รับการพิสูจน์ในเร็ว ๆ พะย่ะค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของ ITTHI ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.18 บาท บวกไป 0.38 บาท หรือขึ้นไป 13.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 354 ล้านบาท ก็เป็นช็อตที่น่าตามไปดูสำหรับคนกล้า เพราะเป็นการทะยานขึ้นต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10 วัน “โมนิก้า” ถึงมองว่า การเล่นแบบนี้ต้องมีข่าวดีเตรียมประกาศในไม่ช้าแน่ ๆ ผนวกกับการเป็นหุ้นต่ำสิบที่รายย่อยชอบเข้ามาเล่นเพื่อหาค่าขนม วันนี้เลยมีสิทธิ์ระเบิดเถิดเทิงอีกวันเจ้าค่ะ
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้น PSTC ในทันที เพราะรายนี้มีประเด็นของการเพิ่มทุน และธุรกิจท่อน้ำมันเป็นตัวฉุดรั้งความเชื่อมั่นมาช้านาน แต่วานนี้หุ้นดันพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.60 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141 ล้านบาท เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า การขึ้นเที่ยวนี้มาจากเรื่องอะไรกันแน่! หรือคนเล่นมองว่า ขอลุยก่อน..ส่วนเรื่องอื่นไว้ทีหลังอ๊ะป่าว?
โมนิก้า: และทีมงาน