กลุ่มชอร์ตฯ ยังท้าทาย
หุ้นไทยวานนี้ลบ 3.04 จุด ปิดที่ 1,373.33 จุด ทั้งที่ในช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย ดัชนีขึ้นมาแกว่งในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่
หุ้นไทยวานนี้ลบ 3.04 จุด ปิดที่ 1,373.33 จุด
ทั้งที่ในช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย ดัชนีขึ้นมาแกว่งในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่
ทว่า กลับมาถูกทิ้งในช่วง ATC ที่ดัชนีก่อนปิดอยู่ที่ 1,379 จุด ลงมาปิดที่ 1,373 จุด หรือลงมาวูบเดียวถึง 6 จุด
ไม่แน่ใจว่า กลุ่มที่ทิ้งหุ้นออกมาเป็นเป็นกลุ่มที่ทำชอร์ตเซลหรือไม่
แต่จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ จะพบว่า กลุ่มนักลงทุนที่ทำชอร์ตเซล ยังคง “ชอร์ตแล้ว ชอร์ตอยู่ ชอร์ตต่อ” ไม่สนใจมาตรการที่กำลังออกมาเพื่อคุมธุรกรรมชอร์ตเซล และโปรแกรมเทรด การส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม
สรุปง่าย ๆ ยังคงท้าทายมาตรการที่กำลังจะทยอยออกมา นับจากช่วงปลายไตรมาส 2/2567 นี้
ประเด็นที่น่าสนใจคือ มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มนักลงทุนที่ทำชอร์ตเซล อาจหาทางหนีทีไล่
หรือปรับกลยุทธ์ ดูช่องว่าง หรือช่องทางต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าแล้วก็ได้
มีการให้ข้อมูลว่า นักลงทุนต่างชาติ น่าจะเป็นกลุ่มที่ทำชอร์ตเซลมากที่สุด
ส่วนจะเป็นต่างชาติหัวดำ หรือหัวทองนั้น
ตรงนี้ไม่ทราบจริง ๆ
เพราะเข้าไปดูข้อมูลยาก
โดยกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ นอกจากจะขายหุ้นออกจากพอร์ตไปค่อนข้างเยอะ จนสัดส่วนของต่างชาติที่ลงทุนในหุ้นไทย เหลือในระดับต่ำมาก
แต่การขายหุ้นดังกล่าวออกมายังไม่เพียงพอ
ยังไปเอาหุ้นมาชอร์ตเซลกันอีก จนทำให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในสถานะไซด์เวย์ดาวน์
หรือพอดัชนีขึ้นมาใกล้ระดับ 1,400 จุด
จะเผชิญกับแรงขายทันที (น่าจะมาจากการทำชอร์ตเซลด้วย)
ล่าสุด “พิชัย ชุณหวชิร” รมว.คลัง ที่เติบโตมาจากตลาดรอง และมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุนเป็นอย่างดี
เหมือนกับว่า จะตามกลุ่มนักลงทุนที่ชอบชอร์ตเซล (พร่ำเพรื่อ) ได้ดี
ถึงกับต้องออกมาขู่อีกครั้ง หากยาแรงชุดที่กำลังออกมาไม่เพียงพอ
พร้อมจะจัดยาชุดใหม่เข้ามาจัดการ เพื่อเบรกความผันผวนของตลาดหุ้นไทยให้ได้
แนวคิดเรื่องการนำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF กลับมาอีกครั้ง
อาจจะถือเป็นยาอีกขนานที่จะเข้ามาช่วยกอบกู้ หรือดึงตลาดหุ้นไทย กลับมาเป็นขาขึ้น เพราะเป็นการเพิ่มศักยภาพของกองทุนไทย รับมือกับการขายของต่างชาติ และแรงทำชอร์ตเซลได้
มีการใช้ตัวเลขในอดีตที่มีการขายกองทุน LTF
จะมีเม็ดเงินเข้ามาในระบบประมาณ 6-8 หมื่นล้านบาทต่อปี
ถือเป็น “กองทุนพยุงหุ้น” แบบธรรมชาติที่รัฐบาลไม่ต้องใส่เงินลงมาแม้แต่บาทเดียว
และเชื่อว่า การผลักดันกองทุนฯ จะเกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว เพราะทั้งฝั่ง สมาคม บลจ. สภาธุรกิจตลาดทุน รมว.คลัง ต่างพร้อมที่จะเสนอ และตอบรับให้อยู่แล้ว
คงต้องมาติดตามดูกันว่า
หลังมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาเพื่อคุมชอร์ตเซล โปรแกรมเทรดแล้ว
จะเอาอยู่หรือไม่
หรือต้องเพิ่มยาแรงอัดเข้าไปอีก
ธนะชัย ณ นคร