GFC ปั๊มลูก ปั๊มกำไร!
ตั้งแต่ GFC เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาเมื่อปลายปี 2566 ราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันซื้อขายกันที่ 10 บาทเศษ
คุณค่าบริษัท
ตั้งแต่บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาเมื่อปลายปี 2566 (13 ก.ย. 2566 ด้วยไอพีโอ 7 บาท) ราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันซื้อขายกันที่ 10 บาทเศษ
นั่นอาจเป็นเพราะในช่วงที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2565 มีรายได้รวม 276.12 ล้านบาท กำไรสุทธิ 65.68 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 23.79% ส่วนปี 2566 มีรายได้รวม 355.76 ล้านบาท กำไรสุทธิ 77.49 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 21.78%
ขณะที่ โอกาสทางธุรกิจมีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ ตอบโจทย์คนที่มีบุตรยาก ซึ่งนับวันยิ่งมีความต้องการมากขึ้น ประกอบกับการยกเลิกนโยบายลูกคนเดียวของประเทศจีน ส่งผลให้ประชากรอยากมีลูกเพิ่มมากขึ้น ทำให้ชาวจีนเดินทางมาใช้บริการในประเทศไทยจำนวนมาก
รวมทั้งปี 2567 เป็นปีมังกร ซึ่งตามความเชื่อของชาวจีน เชื่อว่าเป็นปีมงคลที่สุด และเชื่อว่าเด็กที่เกิดในปีมังกรจะประสบทั้งความสำเร็จและนำพาความโชคดีมาให้ กลายเป็นแรงกระตุ้นให้มีบุตรกันในปีมังกร เป็นปัจจัยช่วยหนุนการเติบโตของ GFC
แต่ไม่หมดแค่นี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากกรณีสภาผู้แทนราษฎร ผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม และกระทรวงสาธารณสุข เตรียมปรับแก้เกณฑ์กฎหมาย พ.ร.บ.อุ้มบุญ ด้วยการเปิดโอกาสให้คู่รักชาวต่างชาติทำอุ้มบุญในประเทศไทยได้ และปลดล็อกให้ผู้หญิงไทยอายุเกิน 55 ปี สามารถให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทนได้ และเปิดทางให้กลุ่ม LGBTQ+ ทำอุ้มบุญได้
ไม่นับรวมกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศนโยบายส่งเสริมการมีบุตร เป็นหนึ่งใน 13 นโยบายสำคัญของภาครัฐบาล โดยคาดว่า (ร่าง) วาระแห่งชาติส่งเสริมการมีบุตรจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้ภายในเดือน เม.ย. 2567 ที่จะส่งผลดีต่อ GFC เช่นกัน
ขณะที่ มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 1/2567 จะปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2566 หลังดีมานด์ยอดผู้เข้ารับการรักษาผู้มีบุตรยากกับทาง GFC สาขาพระราม 3 ทั้งการรับบริการตรวจเบื้องต้น, การรักษาด้วยวิธี IUI, การรักษาด้วยวิธี ICSI, การตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน NGS และการฝากไข่ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนแผนธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2567-2569) บริษัทจะมุ่งสู่การสร้าง New S-Curve ที่มีโอกาสจะโตได้ 20-40% โดยในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20-40% ขณะที่ปี 2568 คาดจะเติบโตต่อเนื่อง 35% จากปี 2567 และปี 2569 คาดว่าจะเติบโต 20% จากปี 2568 ซึ่งการเติบโตจะมาจากการขยาย 2 สาขาใหม่ ประกอบด้วย สาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 และสาขาอุบลราชธานี ที่จะเริ่มเปิดให้บริการได้ปลายไตรมาส 2 ปีนี้
ด้าน บล.โกลเบล็ก ประเมินกำไรปี 2567 ของ GFC ไว้ราว 96 ล้านบาท เติบโต 23% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1)การมีลูกในปีมังกรทอง 2)นโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยว อาทิ ฟรีวีซ่าสำหรับจีน และ 3)แผนขยายสาขาอีก 2 สาขาในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น GFC ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 30.09 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 17.84 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาดหลายเท่า สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 4.15 เท่า ก็ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.32 เท่า