ไปให้สุด..หยุดตรง 1,500

ทุกครั้งที่ดัชนีทะยานขึ้นแรงด้วยสตอรี่ใหม่ ๆ ท่ามกลางผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนยังงอกง่อย “โมนิก้า” มักมีอาการใจคอไม่ดีเป็นประจำ


ทุกครั้งที่ดัชนีทะยานขึ้นแรงด้วยสตอรี่ใหม่ ๆ ท่ามกลางผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนยังงอกง่อย “โมนิก้า” มักมีอาการใจคอไม่ดีเป็นประจำ เพราะดัชนีมักเด้งรับข่าวอย่างร้อนแรง ก่อนจะซึมลงในภายหลังเป็นประจำ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมานับไม่ถ้วน จึงไม่อยากคาดหวังอะไรที่เว่อร์วังไปกว่าที่เคยเห็นมา และถ้านับระยะเวลาที่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ ก็ปาเข้าไป 7 เดือนแล้วนะคะ

ที่สำคัญ เดี๊ยนไม่ได้ห้ามเล่น แค่อยากให้กำหนด “จุดซื้อ จุดขาย” ให้ชัดเจน เพราะการพุ่งพรวดของดัชนีขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,377.72 จุด บวกไป 7.28 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.14 หมื่นล้านบาท ก็เป็นเรื่องที่ดีต่อใจในภาวะตลาดหุ้นผันผวน “โมนิก้า” ถึงอยากให้ดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา 1,500 จุดอีกครั้ง แต่จะสำเร็จเหมือนที่คาดหวังหรือไม่ คงขึ้นอยู่กับปัจจัยบวกเข้ามาช่วยหนุนเยอะแค่ไหนพะย่ะค่ะ

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเที่ยวนี้คือ แรงขายที่รินใส่หุ้นใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา ดันกลายเป็นไล่ซื้อหุ้นใหญ่ ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกราวกับว่า เที่ยวนี้เอาจริงแน่นอน! จึงเป็นจังหวะของการเล่นตามน้ำสำหรับคนที่ถนัดเล่นเร็ว ผสานกับตลาดหุ้นทั่วโลกพากันเปิดเขียวกันถ้วนหน้า จึงไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป เพราะหน้าที่หลักของนักลงทุนรายย่อยคือ หาช่องปั้นกำไรในจังหวะที่ตลาดหุ้นเป็นใจอีกครั้งน่ะซี

เหมือกับการผงกหัวขึ้นของพี่เทพ PTTEP หลังจากนอนสลบไสลมาพักใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเหลือเกิน เพราะเป็นการขึ้นสวนราคาน้ำมันดิบแกว่งตัวลง จึงกลายเป็นช็อตที่ต้องลุ้นว่า วันนี้หุ้นจะไปต่อไหม? หลังขึ้นมายืนปิดที่ระดับ155.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.97 พันล้านบาท และถ้าดูราคาเป้าที่โบรกฯ ให้ไว้บริเวณ 180 บาท ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยนะจ๊ะ

เช่นเดียวกับการผงกหัวของ DELTA ก็เป็นช็อตที่เรียกเสียงฮือฮามาก ๆ ในมุมของหุ้นที่ถูกรินขายตลอดเวลา เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 75 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 4.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.54 พันล้านบาท มีผลต่อการขึ้นของดัชนีมาถึง 3 จุด ซึ่งหมายความว่า หากวันนี้ดัชนีจะไปต่อแรง ๆ ต้องภาวนาให้หุ้นตัวนี้ไปต่อแรง ๆ แต่เผอิญปัจจัยหลายอย่างยังไม่นิ่ง จึงต้องไปวัดดวงกันเอาเองนะคะ

สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยแบบนั้น ล้วนเกิดจากตัวท็อปของตลาดหุ้นอย่าง AOT ดันถูกรินขายออกมาตลอดทั้งวัน จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 66 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.11 พันล้านบาท ทั้งที่เห็นกันทนโท่ว่า ตัวเลขกำไรมาดีทุกไตรมาส และน่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เดี๊ยนเลยเดาไม่ถูกว่า คนเล่นกำลังคิดอะไรอยู่เจ้าค่ะ

ผิดกับในรายของ NEO ที่ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 55 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 597 ล้านบาท ก็ถูกซัพพอร์ตด้วยกำไรโตเป็นประเด็นหลัก และดูเหมือนทุกคนจะเชื่อว่า ปีนี้จะเป็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เลยพากันไล่เก็บหุ้นอย่างคึกคัก และถ้าดูจากการเทรดบน PE 17 เท่าเป็นข้อมูลเบื้องต้น ก็จะเห็นว่า ราคาหุ้นยังมีโอกาสไปต่อค่อนข้างสูงก็เท่านั้นเอง

ส่วนรายที่กำไรโต แต่คนไม่ค่อยเล่นอย่าง MGI น่าจะเป็นภาพสะท้อนว่า รายย่อยไม่อยากร่วมวงกับหุ้นที่มีประเด็นพิพาทผู้คนมากมาย รวมทั้งการเล่นหุ้นตัวนี้ก็กระจุกตัวในกลุ่มไวไว เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นยืนได้แค่ระดับ 24.50 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 72 ล้านบาท เพราะหุ้นได้ผ่านช่วงฮันนีมูนอย่างเป็นทางการไปแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นช่วงที่ต้องอยู่กับโลกแห่งความจริงน่ะซี

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น SABUY เพื่อชี้ให้เห็นราคาหุ้นที่ไหลรูดเหมือนคนท้องเสีย ล้วนมาจากผลการดำเนินงานที่ต้องบันทึกผลขาดทุนบานเบอะ จนก๊วนขาลุยอมหุ้นไม่ไหว จึงโยนหุ้นออกมาอุตลุดในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 1.82 บาท ลบไป 0.11 บาท หรือลงไป 5.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 213 ล้านบาทแบบนี้ มันน่าเห็นใจจริง ๆ แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเจ้าค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button