1400 จุด ลุ้นเหนื่อย!
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2567 ตัวเลขกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 2.63 แสนล้านบาท หากเทียบกับไตรมาส 1/2566 จะค่อนข้างทรงตัว
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2567
ตัวเลขกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 2.63 แสนล้านบาท
หากเทียบกับไตรมาส 1/2566 จะค่อนข้างทรงตัว
แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หรือ 4/2566 จะเพิ่มขึ้นกว่า 58%
ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับผลกำไรของ บจ.ในงวดนี้คือ บจ.ที่ Bloomberg Consensus ศึกษา ได้รายงานกำไรรวมออกมาดีกว่าที่คาดไว้ 9-10%
กลุ่มหุ้นที่รายงานผลประกอบการออกมาโดดเด่นและดีกว่าคาด
เช่น กลุ่มค้าปลีก (CPALL) รับเหมา บรรจุภัณฑ์
และที่สำคัญคือกลุ่มการท่องเที่ยว โรงแรมและร้านอาหาร
ส่วนกลุ่มธนาคารมีกำไรที่ดีกว่าคาด และเป็นไปตามที่คาดการณ์
หากย้อนกลับมาดูดัชนีตลาดหลักทรัพย์
จะพบว่า ดัชนีเริ่มไต่ระดับขึ้นมาจาก บริเวณ 1,330 จุด เมื่อช่วงวันที่ 19-20 เม.ย. 2567
หรือเริ่มตั้งแต่กลุ่มธนาคารรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 1 กันออกมา
จากนั้น หุ้นกลุ่มต่าง ๆ ได้ทยอยแจ้งผลประกอบการออกมาต่อเนื่อง
ดัชนีได้วิ่งขึ้นมาตามทิศทางผลกำไรเช่นกัน
กระทั่งวันสุดท้ายเมื่อ 15-16 พ.ค. 2567 ที่ บจ.แจ้งผลประกอบการครบ
ดัชนีขึ้นมาอยู่ระหว่าง 1,375–1,385 จุด
หรือในรอบประมาณ 1 เดือน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ขึ้นมาแล้ว 4.13%
ทั้งนักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างมองกันว่า ดัชนีควรจะไปได้หรือขึ้นมากกว่านี้
เพราะแนวโน้มกำไรของ บจ.ในไตรมาส 2 ถูกประเมินใหม่อีกครั้งว่า จะออกมาดีกว่าคาดการณ์อีก และเติบโตจากปีก่อนในช่วงไตรมาสเดียวกัน
หุ้นถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากกำไร บจ.
บวกกับนโยบายด้านการเงินของ สหรัฐ (เฟด) เริ่มดูค่อนข้างเอื้อกับตลาดหุ้น (ทั่วโลก) เพิ่มขึ้น
แต่หุ้น (ไทย) ยังไปไม่ไกล และเท่าที่รวบรวมข้อมูลออกมาเกี่ยวกับปัจจัยกดดัน แล้วทำให้ดัชนียังยากที่จะผ่านระดับ 1.400 จุดขึ้นมาได้
เริ่มจากปัญหา “ชอร์ตเซล”
เพราะถึงแม้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มมีมาตรการออกมา และกำลังจะนำออกมาใช้อีก
แต่กลุ่มนักลงทุนที่ทำชอร์ตเซลเหมือนยังสนุกสนานกับธุรกรรมประเภทนี้ ซึ่งอาจจะต้องรอจนกว่ามาตรการที่ดูเข้มข้นขึ้นมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2 นี้เป็นต้นไป
การขายชอร์ตน่าจะค่อย ๆ ปรับลดปริมาณลง
เว้นแต่กลุ่มนักลงทุนที่ทำการขายชอร์ต จะปรับกลยุทธ์ ด้วยการหาวิธีการอื่น ๆ มางัดข้อ
แต่เรื่องนี้ทาง พิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง บอกไว้แล้วว่า หากยาชุดนี้ยังไม่ได้ผลิต
จะนำ “ยาแรง“ เข้ามาบังคับใช้
“การเมือง” เป็นอีกปัจจัยที่ผูกพันกับตลาดหุ้นไทยมานาน
ปัจจัยนี้แม้จะไม่ได้หนักหน่วงรุนแรง
แต่ช่วงที่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการฝุ่นตลบ หุ้นก็เกิดการสะดุดเป็นพัก ๆ ได้เช่นกัน
นักลงทุนต่างประเทศยังไม่กลับเข้ามา เป็นอีกปัจจัย (หลัก) ต่อดัชนีที่ยังวิ่งไม่เต็มที่ และแม้จะมีแรงซื้อจากต่างชาติมากขึ้น แต่สังเกตว่า พอราคาหุ้นวิ่งขึ้นมา ก็ต่างชาตินี่แหละจะขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ
ส่วนปัจจัยล่าสุดคือ การเติบโตของเศรษฐกิจที่เชื่องช้า
อย่างวานนี้ (20 พ.ค.) สภาพัฒน์รายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 ขยายตัวเพียง 1.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
และขยายตัว 1.1% จากไตรมาส 4/2566
เท่านั้นยังไม่พอ สภาพัฒน์ หั่นคาดการณ์จีดีพีปี 2567 ลงมาเหลือ 2.5%
ส่งผลดัชนีที่เปิดในแดนบวกช่วงภาคเช้า ลงมาติดลบในช่วงของการเปิดตลาดภาคบ่าย จากแรงขายของหุ้น CPALL AOT BDMS DELTA HANA และ MINT
ดูทรงตลาดหุ้นไทยแล้ว
ดัชนีระดับ 1,400 จุด ยังน่าจะผ่านได้ยาก
ลุ้นเหนื่อย
ธนะชัย ณ นคร