ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัว
บันทึกไว้ Q1 หรือไตรมาสที่ 1 เศรษฐกิจไทยโตต่ำสุดในกลุ่มเศรษฐกิจอาเซียน
บันทึกไว้ Q1 หรือไตรมาสที่ 1 เศรษฐกิจไทยโตต่ำสุดในกลุ่มเศรษฐกิจอาเซียน
ฟิลิปปินส์ เติบโตเป็นอันดับ 1 โต 5.7%, เวียดนาม เติบโตเป็นอันดับ 2 ร้อยละ 5.66, อินโดเนเซีย โตอันดับ 3 ร้อยละ 5.11, มาเลเซีย โตอันดับ 4 ร้อยละ 4.2, สิงคโปร์โตอันดับ 5 ร้อยละ 2.7
ส่วน GDP ไทยเติบโตแค่ร้อยละ 1.5! จากรายได้หลักด้านการบริโภค การส่งออก และการท่องเที่ยว
อันที่จริงในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา (2558-2566) ประเทศไทยก็ครองตำแหน่งอัตราเศรษฐกิจขยายตัวต่ำในระดับภูมิภาคมาตลอด
ปี 2558-2566 เศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 2.8, 3.3, 3.9, 4.2, 2.2, ติดลบ 6.2, 1.6, 2.5 และร้อยละ 1.9 ตามลำดับ ปีนี้ภายหลังประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ Q1 ออกมา สภาพัฒน์ฯ ก็ปรับลดตัวเลขประมาณการ GDP ออกมาที่ 2-3%
สภาพัฒน์ฯ ประเมินโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 5 แสนล้านบาท จะส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงร้อยละ 0.25 เท่านั้น หากมีการจัดทำจริง
การที่ประเทศจมปลักอยู่กับเศรษฐกิจที่เติบโตในระดับต่ำ ในขณะที่เพื่อนบ้าน ต่างมียุทธศาสตร์เศรษฐกิจและเป้าหมายที่ชัดเจน ก็จะทำให้ประเทศที่มีเศรษฐกิจเล็กกว่าไทย ขยับลดช่องว่างมาใกล้เคียงกับไทยมากยิ่งขึ้น
หรืออาจจะแซงหน้าประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในวิสัย
กรณีเวียดนาม ที่มีการพัฒนาการค้าส่งออก แซงหน้าประเทศไทยมาไม่น้อยกว่า 2 ปีแล้ว เป็นกรณีที่น่าสนใจมากทั้งในแง่ของยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ และการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมภายใน ที่มุ่งสู่อุตสาหกรรมทันสมัยจำพวกอิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้น
อาจจะเรียกเป็น “ดูอัล แทรคส์” คล้ายยุคทองสมัยทักษิณก็ว่าได้
เวียดนามเดินหน้าเจรจาเปิดเสรีทางการค้ากับกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจยุโรปอย่างจริงจังจนสามารถทำข้อตกลงการค้าเสรีแบบทวิภาคีกับกลุ่มอียูเป็นผลสำเร็จ ทำให้มูลค่าการค้าขายของเวียดนามเพิ่มพูนอย่างก้าวกระโดด
เซ็นสัญญากับอียูเพียงฉบับเดียว ก็สามารถเปิดโลกกว้างการค้ากับอียูถึง 27 ประเทศ
ปัจจุบัน เวียดนามมีขนาดเศรษฐกิจวัดโดยจีดีพีในอันดับ 5 มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ 433,356 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหนือกว่ามาเลเซียอันดับ 6 ที่มีมูลค่าฯ 430,895 ล้านดอลลาร์
เป็นรองอินโดเนเซียอันดับ 1 ที่มูลค่าฯ 1.41 ล้านล้านดอลลาร์ รองไทยอันดับ 2 ที่มูลค่า 512,913 ล้านดอลลาร์ รองอันดับ 3 สิงคโปร์ และรองอันดับ 4 ฟิลิปปินส์ ที่มูลค่าฯ 497,347 และ 435,675 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ
ระหว่างเศรษฐกิจขนาด 5.13 แสนล้านดอลลาร์ของไทย และเศรษฐกิจขนาด 4.33 แสนล้านดอลลาร์ ของเวียดนามนั้น ไม่ได้ห่างกันสักเท่าไหร่เลย
ขณะที่ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของเวียดนามนั้นชัดเจน ตรงเป้าหมาย และขับเคลื่อนกันเต็มกำลังอย่างมีเอกภาพ ปลอดจากปัจจัยรบกวนทางการเมือง
ส่วนของไทยเรา นอกจาก “ดิจิทัล วอลเล็ต” แล้ว ก็ยังมองไม่เห็นยุทธศาสตร์อื่นใดที่ชัดเจน คงต้องเร่งมืออย่างหนักเสียแล้ว
ชาญชัย สงวนวงศ์