วันศุกร์นี้ MSCI Rebalance

จากที่ประเมินกันว่า มีโอกาสดัชนีหุ้นไทยจะขึ้นไปทดสอบ 1,400 จุด ในช่วงเดือน พ.ค.นี้ ไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้วล่ะ


จากที่ประเมินกันว่า มีโอกาสดัชนีหุ้นไทยจะขึ้นไปทดสอบ 1,400 จุด ในช่วงเดือน พ.ค.นี้ ไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้วล่ะ

ในทางกลับกัน ตอนนี้ต่างหันมามองแนวรับกันว่า จะอยู่ตรงไหน

แต่เท่าที่ดูบทวิเคราะห์ของโบรกฯ สำนักต่าง ๆ

ให้แนวรับทางเทคนิคและเชิงจิตวิทยาบริเวณ 1,355-1,330 จุด

ส่วนแนวต้านสำคัญยังอยู่ในกรอบ 1,370-1,380 จุด

ประเด็นที่น่าสนใจคือ หุ้นไทยไม่ยอมบวก แม้ว่าจะมีข่าวดี และพร้อมจะดิ่งลงหากมีปัจจัยลบเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยใหม่หรือปัจจัยเก่า คือ “ปู่เซต” เราพร้อมจะลงนั่นแหละ

ส่วนเหตุผลน่าจะมาจากทั้งจากความเชื่อมั่นนักลงทุน ธุรกรรมชอร์ตเซล การขายของนักลงทุนต่างประเทศ ฯลฯ

มีปัจจัยลบจะกดดันหุ้นไทยในสัปดาห์นี้อีก 1 เรื่อง คือ MSCI Rebalance

รอบนี้ไม่มีหุ้นเข้า MSCI Global Standard

แต่มีหุ้นถูกปรับออกมา 3 ตัว

1.บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS

2.บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH

และ 3.บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC

ทั้งหมดจะมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 31 พ.ค. 2567

หุ้น 3 ตัวที่ถูกปรับออกจาก MSCI Global Standard ไม่ใช่ว่าจะหลุดออกไปเลย แต่จะลงไปอยู่ในกลุ่ม MSCI Global Small Cap Index

ส่วนจุดที่ต้องระวังคือ เม็ดเงินที่จะออกจากสามหุ้นดังกล่าวค่อนข้างมากพอสมควร

เริ่มจาก LH เงินออก 200 ล้านเหรียญฯ คิดเป็นเงินไทยราว 7.3 พันล้านบาท

BTS เงินออก 175 ล้านเหรียญฯ คิดเป็นเงินไทยราว 6.39 พันล้านบาท

และ MTC เงินออก 100 ล้านเหรียญฯ คิดเป็นเงินไทยราว 3.65 พันล้านบาท

สรุป เฉพาะสามหุ้นนี้จะมีเงินไหลออกรวมกันประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ดังนั้น หากวันศุกร์ที่ 31 พ.ค.นี้ เห็นเงินทุนต่างชาติขายสุทธิค่อนข้างเยอะ อย่าไปตกใจ

เช่นเดียวกับดัชนีน่าจะมีการย่อตัวลงด้วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าราคาสามหุ้นนี้จะลงมามากน้อยแค่ไหน

 ต้องย้ำกันก่อนว่า การถูกปรับออก และหุ้นถูกขายออกมาไม่ได้เกี่ยวกับพื้นฐานของบริษัทแต่ละแห่ง

หากราคาลงมาเยอะ แล้วหุ้นตัวนั้น ๆ มีโอกาสทางธุรกิจ ผลประกอบการยังมีทิศทางเติบโตได้ในระดับดี อาจจะเป็นจังหวะเหมาะต่อการเข้าเก็บสะสมได้

นอกจากสามหุ้นที่ลงมาจาก MSCI Global Standard

ยังมีหุ้นเข้าใหม่ในกลุ่มนี้คือ บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS

สำหรับ JTS นี่ก็ต้องระวัง เพราะราคาหุ้นปรับขึ้นจากบริเวณ 50.00 บาท เมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค. 67

และล่าสุดมาเคลื่อนไหวในกรอบ 67.00-74.00 บาท หรือปรับขึ้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 34% จึงต้องระวังแรงขายทำกำไรในวันที่มีผลบังคับ

ส่วนหุ้นถูกปรับออก MSCI Global Small Cap มี 10 ตัว คือ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLAND, บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO, บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH, บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL, บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR

บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL, บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS, บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP, บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG, บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP

ซึ่งหุ้นทั้งหมดนี้ ก็น่าจะส่งผลต่อการลดลงของดัชนีภาพรวมด้วยเช่นกัน

และเมื่อตลาดหุ้นไทยลง ซึมซับข่าวร้ายไปในเดือน พ.ค.จบ

มีการคาดหมายว่าจะเริ่มเห็นราคาหุ้นขยับขึ้นจากโซนแนวรับล่างได้อีกครั้ง

จากปัจจัยบวกและรออยู่ในเดือน มิ.ย. เช่น การกลับมาของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF), แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย ของ ไทย และ สหรัฐฯ ที่อาจจะปรับลง, มาตรการการกำกับการซื้อทั้งชอร์ตเซล และโปรแกรมเทรดเริ่มทยอยมีผลบังคับ

รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 และการประมูลงาน

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button