หงอยแต่หัววัน

เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ทั้งที น่าจะมีอะไรที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจบ้าง แต่เอาเข้าจริงดันกลายเป็นว่า ไม่มีประเด็นใหม่ที่เข้าปลุกเร้าสักอย่าง


เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ทั้งที..น่าจะมีอะไรที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจบ้าง แต่เอาเข้าจริงดันกลายเป็นว่า ไม่มีประเด็นใหม่ที่เข้ามาปลุกเร้าความเชื่อมั่นสักอย่าง ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวตุปัดตุเป๋ ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,366.37 จุด บวกไป 1.89 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.46 หมื่นล้านบาทแบบนี้ เหมือนเป็นการบอกใบ้ให้รู้ว่า ตลาดหุ้นยังไม่พร้อมเทคตัวขึ้นใหม่ จึงต้องแกว่งตัวออกด้านข้างต่อไปไม่มีกำหนดพะย่ะค่ะ

สาเหตุที่ทำให้เดี๊ยนเชื่อเช่นนั้น ล้วนมาจากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล “เสี่ยนิด” ไม่เป็นโล้เป็นพายเลยสักอย่าง ซึ่งดูได้จากราคาพลังงานที่เป็นต้นทุนของการดำเนินชีวิตยังอยู่ในระดับสูง คือหนึ่งในตัวแปรที่ทำให้เงินในกระเป๋าของประชาชนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็อย่าหวังจะได้เห็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ เพราะมันไม่มีอยู่จริงน่ะซี

ที่น่าสนใจก็คือ ขุนคลังคนใหม่ยังมั่วแต่ร่ายรำ และยังไม่ขยับทำอะไรที่เป็นรูปธรรมเสียที “โมนิก้า” ย่อมรู้สึกใจคอไม่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการทอดเวลาออกไปแบบไม่มีกำหนด น่าจะทำให้เศรษฐกิจมีแต่ทรุดโทรมลงไปเรื่อย ๆ และเรื่องนี้จะส่งผลโดยตรงต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และเรื่องนี้สังเกตได้จากดัชนียังไม่สามารถวิ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้สักทีไงล่ะจ๊ะ

โดยเฉพาะในรายที่ “โดนหนัก โดนบ่อย” อย่างหุ้น COM7 น่าจะเป็นตัวที่บอกเล่าเรื่องราวให้ทุกคนได้เห็นว่า สินค้าที่ขายไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเมื่อก่อน จึงทำให้ตัวเลขกำไรแต่ละไตรมาสลดลงต่อเนื่อง และการที่หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 18.30 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 5.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 628 ล้านบาท พร้อมกับทำท่าจะลงไปหาโลว์เดิมที่บริเวณ 17.20 บาทแบบนี้..มันน่าหนักใจเหลือเกินเจ้าค่ะ

ขนาดหุ้นที่ทำผลงานได้ดีอย่าง DITTO ยังถูกรินขายเหมือนคนไม่มีเยื่อใยกันมาก่อน น่าจะเป็นภาพสะท้อนความไม่มั่นใจอะไรบางอย่าง จึงทำให้ราคาหุ้นไหลลงช้า ๆ ตั้งแต่ต้นปี 67 ซึ่งตอนนั้นราคาหุ้นยืนอยู่ที่บริเวณ 30 บาท แต่ตอนนี้ราคาหุ้นดันมายืนอยู่ที่ 17.30 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 105 ล้านบาทแบบนี้ เดี๊ยนต้องรบกวน “เซียนฮง” ช่วยไขข้อข้องใจให้สักทีแล้วจ้า!

ในเมื่อเอ่ยถึงประเดนที่ค้างคาใจขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็อยากเม้าท์ถึงหุ้นปูนใหญ่ SCC อีกสักครั้งว่า ราคาหุ้นจะลงไปถึงไหน? เพราะก่อนหน้านี้ทำท่าเหมือนจะยืนหยัด และสร้างฐานแนวรับที่แข็งแกร่งได้ แต่สุดท้ายก็ทรุดตัวลงมาอยู่ดี เดี๊ยนเลยสงสัยว่า เที่ยวนี้แนวรับสำคัญบริเวณ 240 บาทจะเอาไม่อยู่! หลังราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 243 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 626 ล้านบาทไงล่ะคะ

ส่วนรายที่ต้องเฝ้าระวัง และควรดูห่าง ๆ เพื่อความปลอดภัย คงต้องมองไปที่หุ้น AWC หลังราคาหุ้นถูกทิ้งลงมาอย่างรุนแรง และพยายามผงกหัวขึ้นอีกครั้ง แต่ดันมาเจอแรงขายรินใส่ตลอดเวลา “โมนิก้า” ถือเป็นทางสามแพร่งที่หุ้นกำลังคลำหาทาง เลยอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 3.88 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 209 ล้านบาทจะเป็นอย่างไรต่อระหว่าง “ขึ้น” กับ “ลง” หรือ “นิ่ง” พะย่ะค่ะ

ขนาดแบงก์รัฐที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจของทุกรัฐบาลอย่าง KTB ยังมีอาการเซื่องซึมเป็นเวลานานถึง 4 เดือน พร้อมกับแกว่งตัวไปมาในกรอบ 16-17 บาท น่าจะตีความได้ว่า ธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเศรษฐกิจไม่เฟื่องฟูเหมือนที่รัฐบาลพยายามโปรยยาหอม วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นล้มแผละเป็นประจำ และย้อนลงมาปิดที่ระดับ 17 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 399 ล้านบาทไงล่ะคะ

ตบท้ายกันที่หุ้นที่น่าลุ้นอย่าง BKGI กันดีกว่า เพราะการขยับตัวขึ้นแรงวันแรก ก่อนจะยืนปิดไปที่ระดับ 3.32 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 10.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 132 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการเล่นรอบใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งหลายคนเม้าท์ตรงกันว่า ธุรกิจการแพทย์ตัวนี้มาแน่ แต่จะปั๊มกำไรได้ทันราคาหุ้นไหม? จึงเป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไป เลยกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการเก็งกำไรอย่างแท้ทรู!..อิอิอิ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button