MINT หักปากกาเซียน!

ถือว่าหักปากกาเซียนก็ว่าได้ เมื่อ MINT รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 1,146 ล้านบาท


คุณค่าบริษัท

ถือว่าหักปากกาเซียนก็ว่าได้ เมื่อบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 1,146 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 976 ล้านบาท ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าในไตรมาสนี้ MINT จะขาดทุน

สาเหตุมาจากรายได้รวมเติบโต 15% อยู่ที่ 38,050 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 33,122 ล้านบาท แม้จะอยู่ในช่วงนอกฤดูกาลเดินทางในทวีปยุโรป แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการดำเนินงานพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้นในทุกหน่วยธุรกิจ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้กำไรของบริษัทฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

โดยธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารรายงานผลประกอบการทางการเงินที่ดีขึ้น จากความต้องการการเดินทางที่เพิ่มขึ้น ปริมาณการรับประทานอาหารภายในร้านที่มากขึ้น ความสามารถในการเพิ่มราคาห้องพักและการใช้จ่ายเฉลี่ย รวมถึงการขยายพอร์ตโฟลิโอผ่านการเปิดโรงแรมและร้านอาหารใหม่

ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) ตามงบการเงินเติบโตในอัตราที่เร็วกว่าการเติบโตของรายได้ โดยเติบโต 53% อยู่ที่ 9,923 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 MINT มีสาขาร้านอาหารทั้งสิ้น 2,642 สาขา มีโรงแรมที่ลงทุนเองจำนวน 372 แห่ง และมีโรงแรมและเซอร์วิสสวีทที่รับจ้างบริหารอีก 178 แห่ง ใน 55 ประเทศ มีจำนวนห้องพักทั้งสิ้น 79,521 ห้อง

ขณะที่ มุมมองของนักวิเคราะห์ โดย บล.ทิสโก้ ระบุว่า MINT น่าจะได้รับแรงหนุนที่สำคัญต่อกำไร เนื่องจากก้าวเข้าสู่ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวสูงสุดในไตรมาส 2-3/2567 และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในทุกส่วนงานโรงแรม โดยโรงแรมในยุโรปจะได้รับประโยชน์จากการจัดกิจกรรมกีฬาและความบันเทิง รวมถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก สำหรับธุรกิจอาหาร คาดว่าจะมีโมเมนตัมคล้ายคลึงกับไตรมาส 1/2567 โดยจะได้รับแรงหนุนจากประเทศไทย แต่อาจถูกกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอในจีนและออสเตรเลีย

สอดคล้องกับ บล.ทรีนีตี้ คาด MINT ไตรมาส 2/2567 มีผลการดําเนินงานเติบโตทั้งไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของกลุ่มโรงแรมในยุโรป ส่งผลให้ยังคงคาดกำไรปี 2567 ที่ 8.3 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 53% จากปีก่อน โดยคาดกลุ่มโรงแรมยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากทั้งโรงแรมในยุโรปที่ยังมีดีมานด์ จากกลุ่ม Corporate และประเทศไทยที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กลุ่มร้านอาหารคาดว่าจะมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากอานิสงส์การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น MINT ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 23.53 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 17.63 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 2.20 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ส่วนใหญ่ P/BV จะอยู่ที่ระดับ 1.27 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 40.27 บาท จากราคาต่ำสุด 35 บาท และราคาสูงสุด 44 บาท

Back to top button