MGC อนาคตจะดีกว่าวันวาน?

คุณค่าบริษัท

แม้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 ของบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ ประกอบด้วย ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ BMW Mini Honda และ Rolls-Royce รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ BMW Motorrad และ Harley-Davidson เรือยอชท์ยี่ห้อ Azimut เรือแม่น้ำยี่ห้อ Chris Craft และล่าสุดเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน 2 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์ XPENG (เอ็กซ์เผิง) และ ZEEKR (ซีคเกอร์) พลิกมาขาดทุนสุทธิ 9.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 81.6 ล้านบาท

สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการขายสินค้าและบริการ และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนในการจัดจําหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหาร เนื่องจาก 1)มีการแข่งขันด้านราคาในตลาดรถยนต์ค่อนข้างสูง และการชะลอตัวของการปล่อยสินเชื่อ กลุ่มบริษัทจึงจัดกิจกรรมการตลาดเพิ่มขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้า 2)ผลประกอบการธุรกิจรถมือสองมีแนวโน้มซบเซาจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง

3)ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จากการขยายธุรกิจ เช่น ค่าเสื่อมราคา และค่าบริการสำนักงาน และ 4)การเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยจ่าย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยตลาดปรับตัวสูงขึ้น

ทว่าถ้ามองข้ามช็อต MGC ยังมีสตอรี่เชิงบวกจากยอดจองซื้อรถยนต์ภายในงาน Motor Show 2024 ครั้งที่ 45 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มี.ค.-7 เม.ย. 2567 โดยเฉพาะการเปิดตัวแบรนด์ XPENG และ ZEEKR ซึ่งเป็นแบรนด์รถพรีเมียม และอยู่อันดับต้น ๆ ของแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าจีน ได้รับการตอบรับที่ดี สะท้อนได้จากยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าทั้งสองแบรนด์กว่า 586 คัน แบ่งเป็น ZEEKR มียอดจอง 398 คัน ส่วน XPENG มียอดจอง 188 คัน ซึ่งถือเป็นการร่วมในงาน Motor Show 2024 ครั้งแรกของทั้งสองแบรนด์

เบื้องต้น MGC คาดว่าจะทยอยส่งมอบยานยนต์สองรุ่นดังกล่าวให้ผู้จองซื้อภายในไตรมาส 3/2567 นี้

ไม่นับรวมสตอรี่เชิงบวกจากการเปิดตัวแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้ายี่ห้ออื่น ๆ ที่จะตามมาอีกในอนาคต เพื่อรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง

ก็น่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของ MGC ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยในปี 2567 กลุ่มบริษัทวางเป้าหมายสร้างการเติบโตโดดเด่นทุกกลุ่มธุรกิจ คาดรายได้แตะ 30,110 ล้านบาท เติบโต 19.8% จากปีก่อนอยู่ที่ 25,133 ล้านบาท

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น MGC ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 30.22 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 17.85 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 1.46 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ส่วนใหญ่ P/BV จะอยู่ที่ระดับ 1.28 เท่า