สหพัฒฯ-สมิติเวช ลุยตั้งกองทุน Healthcare

ธุรกิจเพื่อสุขภาพ หรือ Healthcare ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก ขณะที่ประเทศไทยถือเป็นแถวหน้าของวงการที่ทั่วโลกให้การยอมรับ


เส้นทางนักลงทุน

ธุรกิจเพื่อสุขภาพ หรือ Healthcare ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก ขณะที่ประเทศไทยถือเป็นแถวหน้าของวงการที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ดังนั้นจึงทำให้บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI และ บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ในกลุ่มบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เห็นพ้องกันที่จะเป็นพันธมิตรกลุ่มในการเข้าร่วมลงทุนในการจัดตั้ง “กองทุน Disrupt Health Impact Fund” กับ ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์ หรือ Disrupt นอกจากนี้ยังมีบริษัท ฐานะ แอสเสท จำกัด หรือ THANA และมหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) ร่วมด้วย

ทั้งนี้ Disrupt คือกลุ่มการลงทุนที่มีประสบการณ์บริหารกองทุน Accelerator และ Ventures Capital (VC) จำนวน 6 กองทุน เช่น 500 Tuktuks, ORZON Ventures, Stormbreaker Ventures และ KXVC  มีการลงทุนแล้วใน 134 บริษัท ใน 16 ประเทศ ภายใต้การนำทีมบริหารโดย “กระทิง พูลผล”, “จันทนารักษ์ ถือแก้ว” และ “ณรัณภัสสร์ ฐิติพัทธกุล”

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 “กองทุน Disrupt Health Impact Fund” ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยตั้งเป้าหมายเปลี่ยนแปลง Healthcare ไทยให้เข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง หรือ Deep Technology ด้าน Healthcare ระดับโลก

เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านการดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย คาดว่าจะลงทุนใน 15 บริษัท Deep Technology ด้าน Healthcare ทั้งในไทยและต่างประเทศภายใน 3-5 ปี โดยมุ่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Healthcare Hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“นนทชัย ราชศิริส่งศรี” ผู้จัดการสายการลงทุนและกองทุนองค์กร บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ที่ผ่านมา SPI มีการลงทุนที่หลากหลาย ในธุรกิจที่เกื้อหนุนกันกับธุรกิจด้านอุปโภค-บริโภค แต่การลงทุนในลักษณะนี้ถือเป็นครั้งแรก โดยมองว่า Healthcare จะมีการเติบโตมากขึ้นในอนาคต

ขณะที่ “ปิธน วิทยศรีเจริญ” กรรมการผู้จัดการ Digital Health Venture หรือ DHV ในเครือบริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองถึงความท้าทายและโอกาสของ Healthcare ว่าตลาดนี้มีขนาดใหญ่ถึง 9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 330 ล้านบาท และเป็นเมกะเทรนด์ที่มีความสำคัญมากขึ้นในโลกแห่งอนาคต

สำหรับประเทศไทยเองก็กำลังเผชิญกับความท้าทายทางด้าน Healthcare ผนวกกับเทคโนโลยีความก้าวหน้า โดยเฉพาะ AI และ Bio Tech จึงเป็นโอกาสการลงทุน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและกระจายโอกาสในการเข้าถึงการรักษามากขึ้น

กลุ่ม BDMS เป็นกลุ่มที่ได้รับการยอมรับระดับโลก โดยบริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทในเครือที่ให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยี และมีการจัดตั้ง DHV ขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน

การร่วมลงทุนในกองทุนฯนี้ แม้จะต้องการด้านผลตอบแทนการลงทุน แต่ก็มีเป้าหมายในการสร้าง Healthcare Ecosystem เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ ง่าย และรวดเร็ว

ในอนาคตธุรกิจโรงพยาบาลอาจไม่ใช้กลยุทธ์เพียงการขยายสาขา แต่อาจจะใช้เทคโนโลยีเพื่อขยายการรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เช่น การให้คำปรึกษา การดูแล การรักษา ผ่านทางระบบออนไลน์

กองทุนนี้จะเข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพเทค ที่มีความล้ำหน้า ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ จึงถือเป็นจังหวะที่ดี หากสามารถนำนวัตกรรมที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่มาใช้ในการให้บริการด้านการรักษา จึงไม่ได้มองเพียงตัวเลขผลตอบแทนจากการลงทุน แต่มองไปถึงการมีพันธมิตรที่เกื้อหนุนกัน หรือ Strategy Partners

อย่างไรก็ตาม ก็ยอมรับว่าการลงทุนมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นความคาดหวังต่อผลตอบแทนจึงไม่เทียบเท่ากับผลลัพธ์ทางด้านนวัตกรรม หรือเทคโนโลยี ที่จะได้รับกลับมา ภายใต้ 4 แกนหลัก ๆ คือ 1.การมีสุขภาพที่ดี 2.การป้องกันสุขภาพ 3.การดูแลเรื่องสุขภาพ และ 4.การทำให้สุขภาพดีและมีอายุยืนยาว

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเข้าลงทุนของกองทุนฯ นั้น จะพิจารณาอย่างเข้มงวดทั้งความเป็นไปได้ของแผน เทคโนโลยี ซึ่งจะเห็นว่าในช่วงวิกฤติโควิด-19 ได้มีสตาร์ทอัพทางด้านนี้เกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่มีหลายรายที่ไม่สามารถอยู่รอดได้ ซึ่งปัจจุบันคนไทยถือเป็นมีจำนวนมากขึ้นที่ต้องการเงินลงทุนจากกองทุนฯ เพื่อให้เกิดผลงาน หรือนวัตกรรมทางด้านนี้ จากที่มีการประเมินว่า Health Tech ทั่วโลกจะเติบโตต่อเนื่อง 10% ต่อปี

เนื่องจากปัจจัยความต้องการทางด้านการรักษาพยาบาล, พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น, การก้าวเข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัย และการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านสาธารณสุข

ทั้งนี้ เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะตอบโจทย์การดูแลผู้คนให้แข็งแรง ลดการพึ่งพาแพทย์ และนำไปสู่การเสริมสร้างศักยภาพของประเทศ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ประเทศไทยในอีกรูปแบบหนึ่ง

ดังนั้น “กองทุน Disrupt Health Impact Fund” จึงถือเป็นกองทุนฯ ที่ดึงเอากลุ่มธุรกิจชั้นนำของไทยเข้ามาร่วมลงทุนในเมกะเทรนด์ Healthcare ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก

Back to top button