พาราสาวะถี
มันต้องเป็นไปตามนั้น แพทองธาร ชินวัตร ประกาศกลางวงประชุม สส.ของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อย่าได้ติดใจกับการแต่งตั้ง วิษณุ เครืองาม
มันต้องเป็นไปตามนั้น แพทองธาร ชินวัตร ประกาศกลางวงประชุม สส.ของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อย่าได้ติดใจกับการแต่งตั้ง วิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีของ เศรษฐา ทวีสิน เหตุผลชัดเจนอยู่แล้ว “หากเศรษฐาอยู่ไม่ได้รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้พรรคก็อยู่ไม่ได้” เช่นกัน บอกแล้วว่าไม่ใช่แค่การตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวของท่านผู้นำแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น มันต้องมีไฟเขียวจากผู้มีอำนาจที่แท้จริงของพรรคแกนนำรัฐบาลด้วย สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเรื่องสายสัมพันธ์ส่วนตัวที่มีมาอย่างยาวนาน
ไม่ผิดอย่างที่อุ๊งอิ๊งว่า วิษณุเข้ามาช่วยงานรัฐบาลด้วยความตั้งใจ ก่อนหน้านี้ได้ทำงานกับรัฐบาลไทยรักไทยมาก่อน เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ขอให้ สส.ยอมรับและเข้าใจเพื่อให้เดินไปข้างหน้าได้ เพราะรัฐบาลต้องการสร้างผลงานขับเคลื่อนนโยบาย เรื่องระเบียบการบริหารราชการเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องที่ปรึกษาจึงเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อมีคนเก่งมาร่วมงานจึงเป็นเรื่องที่ดี ขอให้ทุกคนเข้าใจไปในแนวทางเดียวกัน ให้พวกเราสามัคคีกัน ช่วยกันสนับสนุนนายกฯ ต้องร่วมมือกันถึงจะฝ่าฟันปัญหาไปได้ อะไรที่สร้างความเข้มแข็งให้รัฐบาลได้ก็ให้ช่วยกัน และถ้าใครไม่สบายใจอะไรก็มาพูดคุยกันได้
เหมือนจะเป็นคำพูดที่นุ่มนวล ฟังดูสบายหู สบายใจ แต่เป็นความเด็ดขาด เพราะจากที่มีข่าวก่อนหน้าว่าในวงประชุม สส.มีการขอหารือในเรื่องนี้ แต่หลังจากที่อุ๊งอิ๊งพูดจบไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาแสดงท่าทีแม้แต่คนเดียว ถือว่าจบข่าว อย่างไรก็ตาม เศรษฐายังยืนยันแม้หัวหน้าพรรคจะพูดไปแล้ว เพื่อความสบายใจของทุกคน จะหาเวลาว่างเข้าพรรคไปชี้แจงด้วยตัวเอง ประสาคนตรงไปตรงมา กล้าที่จะแลกเปลี่ยน พูดคุย ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีนักเลือกตั้งรายไหนติดใจในประเด็นนี้อีกแล้ว
ก่อนที่จะมาเตะตัดขาหรือขัดคอกันเอง นักการเมืองที่คร่ำหวอดในวงการย่อมรู้ทิศทาง และอ่านเกมของฝ่ายตรงข้าม หรือความจริงก็คือพวกที่ทำตัวเหมือนเป็นพวกเดียวกัน แต่แอบแทงข้างหลัง คิดไม่ซื่อตลอดเวลา สัญญาณการขยับของพวกลากตั้งที่ยื่นเขี่ยเศรษฐาพ้นเก้าอี้ กระทั่งคดี 112 ของ ทักษิณ ชินวัตร ล้วนแล้วแต่เป็นปรากฏการณ์ที่มองกันไม่ยาก ทั้งหมดคือการสอดประสานของพวกกลุ่มอำนาจเดิมที่ยังมีความหวังที่จะกลับมายิ่งใหญ่ หรือมีบทบาทที่สำคัญเหมือนยุคเผด็จการ คสช.
ดังนั้น เรื่องที่ วันชัย สอนศิริ ออกมาปูดเกี่ยวกับขบวนการ 3 ล้มจึงมีมูลความจริงน่าเชื่อถือมากกว่าข่าวโพยฮั้วเลือก สว.เสียอีก ล้มแรกเรื่องเศรษฐาก็ชัดเจน หากนายกฯ มีอันต้องหลุดจากเก้าอี้ ถามว่าใครจะได้ประโยชน์ ถ้าเซ็ตซีโร่รัฐบาลได้ เลือกผู้นำคนใหม่ต้องเป็นไปตามแคนดิเดตที่แต่ละพรรคส่งให้ กกต.รับรองในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่แผนล้มแรกจะไม่สมบูรณ์ ต้องตามมาด้วยล้มที่สองคือ ยุบพรรคก้าวไกล เป้าหมายไม่ซับซ้อน กวาดต้อน สส.ที่กลายเป็นผึ้งแตกรังเข้าพรรคตัวเองให้ได้มากที่สุด
กรณีนี้ก็สอดรับกับข้อมูลของพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ที่พบว่า สส.บางส่วนเริ่มเปิดเจรจากับพรรคฝ่ายตรงข้ามแล้ว ถามว่าเป็นพรรคไหน เพื่อไทยอาจจะมีแต่น้อย เพราะพลังในการต่อรองน่าจะไม่มากเท่ากับบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากแต่ละพรรคย่อมต้องการเสียงสนับสนุนเพิ่ม เพื่อสร้างอำนาจยื่นหมูยื่นแมว ถ้าล้มเศรษฐาไม่ได้ ยังเป็นรัฐบาลเดิมก็จะทำให้สามารถขอโควตารัฐมนตรีเพิ่มได้
ในกรณีที่เศรษฐามีอันเป็นไป ยิ่งทำให้พรรคที่รวบรวมเสียงได้มาก สามารถพลิกกลับมาเป็นแกนนำในการจัดตั้ง ด้วยการชูตัวบุคคลที่ส่วนใหญ่ก็รู้ว่าเป็นใครให้ขึ้นมาเป็นนายกฯ หลังถ้ากระแส ณ เวลานั้นเดินตามแผนไม่ได้ ก็จะสับคิวเปลี่ยนตัว หนุนอีกคนที่แม้ปากจะปฏิเสธแต่ก็พร้อมเสียบอยู่ตลอดเวลา การเดินเกมแผนล้มแรกนั้น การดึงวิษณุมาเป็นที่ปรึกษาของเศรษฐานั้น จึงเป็นการแก้เกมที่ตรงจุด ต้องไปลุ้นกันในส่วนของก้าวไกลว่าจะรอดหรือไม่
ความจริงประการหนึ่งในช่วงเกือบ 10 ปีของขบวนการสืบทอดอำนาจนั้น มีการใช้นิติสงครามทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามมาอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายที่เห็นต่างมีอันเป็นไปจำนวนไม่น้อย แม้ว่าหลายเรื่องจะค้านสายตาของคนส่วนใหญ่ในประเทศ การตั้งวิษณุเป็นที่ปรึกษาจึงเข้าลักษณะเกลือจิ้มเกลือ รู้เนื้อในของข้อกฎหมายทุกฉบับที่คลอดมาจากปลายกระบอกปืน เมื่อแก้ต่างตรงจุด ฝ่ายที่จะตีความเพื่อสนองต่ออำนาจครอบงำย่อมทำไม่ได้เหมือนช่วงเผด็จการครองเมือง
ส่วนแผนล้มที่สาม เป็นการล้มกระบวนการเลือก สว.ที่กำลังดำเนินการอยู่ ข่าวโพยฮั้วพร้อมปูด 149 รายชื่อถือเป็นการเปิดเกม ประกบกับข่าวคราวที่มีมาก่อนหน้าทั้งเรื่องระเบียบการแนะนำตัวของผู้สมัคร และอีกสารพัดปัญหา อาจจะเป็นช่องทางที่สุดท้าย กกต.ซึ่งความน่าเชื่อถือจากประชาชนต่ำอยู่แล้ว จะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้ารับรองผลการเลือกไม่ได้ หรือมีเหตุร้องเรียนสารพัด อาจนำไปสู่การล้มโต๊ะการเลือกได้ พวกลากตั้งที่รักษาการปัจจุบันก็จะได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ
สิ่งที่วันชัยเตือนน่าสนใจไม่น้อย ความพยายามของพวกนี้เป็นวิชามารที่สกปรก หวังแต่เพียงจะสร้างความสับสนวุ่นวายเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจต่อรองมากขึ้น หากล้มรัฐบาลเศรษฐาได้ก็จะนับหนึ่งกันใหม่ หรือไม่ก็อาจจะไปถึงขั้นเปิดช่องให้อำนาจนอกระบบเข้ามาก่อรัฐประหาร ซึ่งประมาทไม่ได้ อย่างหลังแม้จะมีความเป็นไปได้น้อย แต่ไม่มีใครการันตีได้ ทั้งหมดทั้งมวลต้องอย่าลืมว่า การเกิดรัฐบาลพลิกขั้วขึ้นมาได้นั้น ไม่ใช่มาจากดีลลับระหว่างอำนาจเดิมกับอำนาจใหม่เท่านั้น ส่วนสำคัญในการชี้ขาดคือ อำนาจที่ทรงพลังที่สุด
วันนี้ (6 มิถุนายน) จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ไฮไลต์สำคัญที่ถูกจับตามากที่สุด คงหนีไม่พ้นปมจะมีการบรรจุเรื่องความผิดตามมาตรา 112 ไว้ด้วยหรือไม่ เรื่องนี้พรรคร่วมรัฐบาลทั้งภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ต่างยืนยันไม่เอาด้วย สวนทางกับแกนนำฝ่ายค้านอย่างก้าวไกล ก่อนหน้าอาจหาทางรอมชอมกันได้ แต่พอทักษิณถูกอัยการสั่งฟ้องคดีดังกล่าวด้วย เลยกลายเป็นโจทย์ยากขึ้นมาทันที เหมือนมีอาถรรพ์กับกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่ว่ายุคไหนสิ่งที่อ้างเป็นความหวังดียังมีการชิงความได้เปรียบทางการเมืองกันอยู่ตลอดเวลา
อรชุน