ดักเก็บกินปันผล DIF 3BBIF SCB

ตลาดหุ้นไทยน่าจะเผชิญกับแรงขายของต่างชาติต่อไปอีก จากต้นปี 2567 มาจนถึง ณ วันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่างชาติขายหุ้นไทยไปแล้วกว่า 84,403 ล้านบาท


ตลาดหุ้นไทยน่าจะเผชิญกับแรงขายของต่างชาติต่อไปอีก

จากต้นปี 2567 มาจนถึง ณ วันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่างชาติขายหุ้นไทยไปแล้วกว่า 84,403 ล้านบาท

และมีแนวโน้มว่าจะขายออกมาเรื่อย ๆ จากการคาดของนักวิเคราะห์

เหตุเพราะธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ยังไม่ได้ส่งสัญญาณแน่ชัดเกี่ยวกับลดอัตราดอกเบี้ยลง ขณะที่นักวิเคราะห์ต่าง ๆ ประเมินว่า ปีนี้ อาจจะปรับลง 2 ครั้ง

ทว่า ล่าสุด บางสำนักวิจัยบอกว่า อาจจะปรับเพียง 1 ครั้ง

นอกจากเรื่องแรงขายต่างชาติ

หุ้นไทยยังเผชิญกับ “ชอร์ตเซล” มาต่อเนื่อง

ข้อมูลล่าสุด หุ้นที่มีการทำชอร์ตเซลมีมากเกือบ 500 หุ้น มูลค่ารวมกันจากต้นปี 2567 กว่า 5-6 แสนล้านบาท

หุ้นบางตัวพื้นฐานดี แนวโน้มกำไรเติบโต

กลับถูกนำไปชอร์ตเซล ผสมกับต่างชาติขายทำกำไรพ่วงเข้าไปอีก

มีคำแนะนำจากนักวิเคราะห์สำหรับนักลงทุน ให้ลองปรับพอร์ต หันมาเก็บหุ้นปันผลแบบ “ค่อย ๆ สะสม” หรือจะลงทุนแบบ DCA ที่ซื้อเพิ่มไปทุกเดือน เดือนละไม้

หุ้นพวกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น DIF 3BBIF

หรือ แม้กระทั่งหุ้นกลุ่มธนาคาร เช่น SCB และ TISCO

และอาจจะรวมถึงกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่มีอัตราจ่ายเงินปันผลแบบสม่ำเสมอ

มีการแนะนำว่า เป็นโอกาสเหมาะที่จะเข้าสะสม

เป็นการสะสมแบบทยอยลงทุน หรือเข้าทีละไม้นั่นแหละ

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF ล่าสุด ราคาค่อนข้างนิ่ง ๆ ยืนในกรอบ 7.70-8.00 บาท ส่วนราคาต่ำสุดที่เคยลงไปแตะคือ 7.25 บาท เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2566

หากอ้างอิงจากผู้จัดการกองทุนจ บลจ.ไทยพาณิชย์ในฐานะผู้จัดการกองทุน DIF

ที่เคยให้ข้อมูลว่า แนวโน้มการจ่ายเงินปันผลปีนี้ของ DIF จะมากกว่า 0.90 บาทต่อหน่วยลงทุน

หรือเฉลี่ยออกมาเป็นรายไตรมาส (ปันผลทุกไตรมาส) จะอยู่ที่ประมาณ 0.22 บาทต่อหน่วยลงทุน คิดเป็นอัตราผลตอบแทน หรือ Dividend yield ที่ราว ๆ 11.70-11.80% (เทียบกับราคา ณ ปัจจุบันที่ 7.95 บาท)

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต สามบีบี หรือ 3BBIF

เป็นอีกหุ้นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีการแนะนำเข้าซื้อ

แม้ว่าปีก่อน และปี 2567 จะมีผลขาดทุน (จากการประเมินสินทรัพย์แต่มีกำไรจากการดำเนินงาน)

แต่ก็ยังจ่ายเงินลดทุนให้ต่อเนื่อง

ไตรมาส 1/2567 จ่ายเงินลดทุนจำนวน 0.19 บาทต่อหน่วยลงทุน

หากคิดเป็นผลตอบแทนเฉพาะไตรมาส (1/2567) 3.1%

หรือเฉลี่ยทั้งปี (คาดจ่ายเงินลดทุน 0.16-0.19 ต่อไตรมาส) ก็จะอยู่ระหว่าง 10.50-12.00%

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX

หากอ้างอิงจากตัวเลขเงินปันผลของปี 2566 จากที่ได้กำไรสุทธิ 43,521 ล้านบาท

สมมุติว่าปีนี้กำไรเท่าปีก่อน (แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์จะเพิ่มขึ้น) และจ่ายเงินปันผลเท่ากับปี 2566 ที่มีการจ่ายงวดระหว่างกาล 2.50 บาท และงวดสิ้นปีอีก 7.84 บาท (รวม 10.34 บาท ต่อหุ้น)

แล้วมาเทียบกับราคาหุ้น ณ ปัจจุบันที่ปิดวานนี้ 105.00 บาท

จะได้อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 9.84%

ผู้บริหารระดับสูงของ SCBX เองได้ย้ำในที่ประชุมผู้ถือหุ้นว่า ยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลระดับสูงต่อไป

ไม่อยาก wait and see

หรือหันซ้ายหันหวา ไม่รู้เล่นหุ้นแบบไหนดีในสถานการณ์แบบนี้

เลือกพวกกลุ่มหุ้นปันผลก็น่าจะดีนะ

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button