KC หุ้นใหญ่นกรู้.?

ชื่อหายไปจากสารบบของหุ้นอสังหาริมทรัพย์เลยก็ว่าได้ สำหรับ บมจ.เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ หรือ KC ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ปีมะโว้


ชื่อหายไปจากสารบบของหุ้นอสังหาริมทรัพย์เลยก็ว่าได้ สำหรับบริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ปีมะโว้ (5 ต.ค. 2537) ด้วยไอพีโอ 78 บาท พาร์ 10 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 7 สตางค์ ปรับพาร์ใหม่เป็น 0.70 บาท

จนนักลงทุนรุ่นใหม่บางคนอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มีหุ้นตัวนี้ด้วยเหรอ..??

ขณะที่แบ็กกราวด์ของ KC นั้น เป็นหุ้นอสังหาฯ ที่ก่อตั้งมากว่า 37 ปี หรือในปี 2530 โดย “อภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล” ถือเป็นอสังหาฯ ยุคเก่าแก่ไล่เลี่ยกับบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ของ “เสี่ยตึ๋ง”–อนันต์ อัศวโภคิน ที่ก่อตั้งในปี 2526

KC เน้นพัฒนาโครงการอสังหาฯ แนวราบ มีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ โดยจับตลาดระดับล่างและกลาง ภายใต้แบรนด์ เค.ซี., เค.ซี.พาร์ควิลล์, เค.ซี.การเด้นโฮม, เค.ซี.คลัสเตอร์ และ เค.ซี.เนเชอรัลวิลล์

ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา KC เปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นมาแล้ว 2-3 รอบ เท่าที่พอสืบเสาะหาข้อมูลได้ ในปี 2558 เปลี่ยนจาก “กลุ่มงามอัจฉริยะกุล” มาเป็น “ภัทรภพ อิทธิสัญญากร” กระทั่งในปี 2564 ตกมาอยู่ในมือ “สันติ ปิยะทัต” ซึ่งตอนนั้นถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งในสัดส่วน 22.97% แต่ปัจจุบันเหลือถือราว 14.15%

อ้อ…KC เป็นหุ้นที่ได้ไฟเขียวจากก.ล.ต.ให้กลับเข้ามาเทรดเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2565 หลังจากถูกแขวนเครื่องหมาย SP มานานกว่า 5 ปี

เข้ามาเทรดรอบใหม่ได้ครบ 2 ปีเต็ม ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เนื่องจากพบการขายบิ๊กล็อตของ “สันติ” ซึ่งนอกจากเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งแล้ว ยังสวมหมวกผู้บริหารอีกใบ โดยในวันที่ 31 พ.ค. 2567 ได้ขายหุ้นจำนวน 50 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 0.08 บาท คิดเป็นมูลค่า 4 ล้านบาท ทำรายการผ่านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ส่งผลให้เหลือถือหุ้น 520.10 ล้านหุ้น จากเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 570.10 ล้านหุ้น

ก็น่าคิด การที่ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารขายหุ้นออกมาอย่างนี้ มันมีอะไรในกอไผ่อ๊ะป่าว..??

แหม๊..ไปส่องงบการเงินของ KC ก็ไม่ค่อยสู้ดี ประสบปัญหาขาดทุนซ้ำซาก โอเค…ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะด้วยสภาวะตลาดอสังหาฯ ไม่ดี…อันนี้ไม่เถียง แต่ตัว KC เอง ก็ไม่ดีด้วย เลยเป็นที่มาของตัวเลขขาดทุนสะสมยังไม่ได้จัดสรรปาไป 1,049.12 ล้านบาท

โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดติดกระเป๋าแค่ 105.28 ล้านบาทเท่านั้น

แล้วถ้าไปดูสินทรัพย์หมุนเวียนอยู่ที่ 520.51 ล้านบาท ในขณะที่มีหนี้สินหมุนเวียน 608.12 ล้านบาท

จะเห็นว่าสินทรัพย์หมุนเวียนน้อยกว่าหนี้สินหมุนเวียน ก็ไม่ค่อยสู้ดี…บ่งบอกว่าถ้าวันนี้มีเจ้าหนี้มาเคาะประตูบ้าน KC มีทรัพย์สินไม่พอจ่ายหนี้นะ

แล้วถ้าดูตัวเลขที่เกี่ยวกับส่วนของผู้ถือหุ้น มีส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นอยู่ที่ 1,822.69 ล้านบาท ก็ดูไม่สวยเท่าไหร่นะ..??

ที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา KC ไม่มีพัฒนาการใหม่ ๆ เลยนะ โดยเฉพาะการเปิดโครงการใหม่แทบไม่มีให้เห็นเลย…ยิ่งน่าเป็นห่วง

งั้นทุกวันนี้ก็ไม่ต่างจากการกินบุญเก่าไปวัน ๆ น่ะสิ..!!

มิหนำซ้ำผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นออกมาอีก…เลยชวนให้จินตนาการไปต่าง ๆ นานา

แล้วการที่ KC มีภาระหนี้ไม่เยอะอย่างนี้ มันเหมาะอย่างยิ่งที่จะถูกเทกโอเวอร์นะจิบอกให้…

ก็ไม่รู้ว่าการขายหุ้นล็อตนี้ของ “สันติ” จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหรือเปล่า..??

จะเกิดปรากฏการณ์ผู้ถือหุ้นใหญ่นกรู้ป๊ะเนี่ย..?? อันนี้ก็น่าคิด

แต่ตอนนี้ชักได้กลิ่นตุ ๆ ของการเทกโอเวอร์นะเนี่ย…

…อิ อิ อิ…

Back to top button