เด้งแล้วขาย

ถ้ามองตลาดหุ้นในระยะสั้น ๆ สัปดาห์ต่อสัปดาห์จะเห็นว่า การเคลื่อนตัวของดัชนียังเป็นลักษณะ “ไซด์เวย์ดาวน์” มากกว่า “ไซด์เวย์อัพ”


ถ้ามองตลาดหุ้นในระยะสั้น ๆ สัปดาห์ต่อสัปดาห์จะเห็นว่า การเคลื่อนตัวของดัชนียังเป็นลักษณะ “ไซด์เวย์ดาวน์” มากกว่า “ไซด์เวย์อัพ” ส่งผลให้การเด้งกลับในแต่ละรอบเต็มไปด้วยแรงขายที่รอถล่มใส่ตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับทำตัวให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะโมเมนตัมหลายอย่างยังไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง ส่งผลให้ภาพการขึ้นเที่ยวนี้ยังไม่มีอะไรเป็นพิเศษกว่ารอบก่อน ๆ จ้า

ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,338.32 จุด บวกไป 1 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.86 หมื่นล้านบาท จึงเป็นภาพมายาที่แฝงไว้ด้วยหลุมพรางเยอะแยะไปหมด ซึ่งเห็นได้จากเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจฝืดเคืองขึ้นเรื่อย ๆ หรือแม้กระทั่งต้นทุนในการใช้ชีวิตที่สูงขึ้น ก็ทำให้เงินในกระเป๋ามีค่าลดลง ก็เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้การขยับเขยื้อนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะงักตัวแบบนี้..ล้วนเป็นตัวแปรที่บังคับให้นักลงทุนต้องเล่นสั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ นะจะบอกให้

วันนี้ถึงต้องบอกกันตามตรงว่า การหลุดแนวรับแล้วเด้งกลับในภาวะเช่นนี้ มันเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับคนที่คิดช้า เพราะหลายครั้งที่ผ่านมามักลงเอยด้วยการโดนเทเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงหวั่นใจว่า การเด้งขึ้นเที่ยวนี้จะไม่ยาวเหมือนครั้งก่อน ๆ และแนวรับสำคัญบริเวณ 1,320 จุดยังแกร่งเหมือนเดิมไหม? หลังตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยข่าวลือสารพัดเรื่อง เดี๊ยนเลยรู้สึกเสียวสันหลังตลอดเวลาพะย่ะค่ะ

ประเด็นดังกล่าวดูได้จากการเคลื่อนตัวของหุ้น KTC ในช่วง 2-3 ครั้งที่ผ่านมายังวนเวียนไปมาที่ระดับ 42-47 บาท ซึ่งเป็นแก๊ปที่เหมาะต่อการเล่นสั้น ๆ “โมนิก้า” ถึงไม่แน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 45.75 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 519 ล้านบาท ยังมีแก๊ปให้เล่นต่อหรือเปล่า? เพราะการจะไปต่อมันต้องอาศัยอะไรที่มากกว่านี้หรือเปล่า? จึงอยากให้นักเล่นระวังไว้ก็เท่านั้นเองค่ะ

เช่นเดียวกับในรายของ TU ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ แต่เป็นเพราะอาการกวัดแกว่งของหุ้นที่มากเกินไป “โมนิก้า” ถึงไม่แน่ใจว่า รอบนี้จะฝ่าแนวต้าน 15.50 บาทได้หรือเปล่า? และเที่ยวนี้จะมีลุ้นขึ้นไปถึง 16 บาทหรือเปล่า? ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องดูกันแบบวันต่อวัน เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 15.40 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.67% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 498 ล้านบาท มันมีน้ำหนักให้เชื่อว่า ยังมีลุ้นน่ะซี

ส่วนหุ้นที่เหมาะต่อการลุ้นระทึก และเหมาะต่อการโหนกระแส “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น SINGER เป็นรายถัดมา เพราะการเด้งขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 8.40 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 7.01% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 154 ล้านบาท หลังจากโดนทุบลงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะโดนทุบหนักไปเมื่อวันก่อน มันเป็นเกมที่ทำให้เชื่อว่า วันนี้น่าจะงัดขึ้นต่ออีกวัน ยกเว้นไม่เป็นเหมือนที่คิด ก็ยอมมอบตัวเถอะค่ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้น CK ขึ้นมาทันที เพราะอาการที่หุ้นโดนขายกดลงมา 3 วันติด จนวานนี้ปิดไปที่ระดับ 21 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 4.11% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 217 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างแน่นอน และไม่มีเหตุผลที่จะนอนกอดหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ เพราะมันเห็นกันทนโท่ว่า โอกาสไปต่อยาว ๆ มันไม่ง่าย จึงไม่มีความจำเป็นต้องแสดงอาการอิดออดนะตัวเอง

อีกหนึ่งตัวอย่างที่ไม่อยากเม้าท์ถึง แต่ก็ต้องเม้าท์ถึงอีกครั้ง คงมองไปที่หุ้น SABUY หลังราคาหุ้นยังซึมลงเรื่อย ๆ จนล่าสุดลงมายืนปิดที่ระดับ 1.46 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 1.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110 ล้านบาท มันเป็นเกมที่บีบหัวใจคนที่อยู่วงนอกเหลือเกิน เพราะสิ่งที่เห็นเที่ยวนี้มันไม่มีอะไรจับต้องได้สักอย่าง แถมยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสียด้วย จึงเกรงว่า ราคาหุ้นจะมุดหัวลงต่อน่ะซี

ส่วนคนที่กล้าท้าลุยแบบสุดซอย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นคริปโต BROOK เพราะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาเป็นช่วง ๆ แต่ช่วงไหนที่กระแสตก มักโดนถล่มขายไม่ยั้งเช่นกัน เดี๊ยนเลยมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 0.62 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 8.77% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 87 ล้านบาท เหมาะต่อการเล่นตามน้ำแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะเที่ยวก่อนราคาหุ้นเคยวิ่งขึ้นไปแตะแถว 0.68 บาทไงล่ะคะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button