BVG ‘เสี่ยปู่’ เกียร์อาร์.!

ถือเป็นหนึ่งในหุ้นไอพีโอเพียงไม่กี่ตัวที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงในปี 2566 สำหรับบริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG


ถือเป็นหนึ่งในหุ้นไอพีโอเพียงไม่กี่ตัวที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงในปี 2566 สำหรับบริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG ซึ่งย่างเท้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2566 โดยปิดเทรดวันแรก 6.50 บาท เหนือจอง 68.83% จากราคาไอพีโอ 3.85 บาท

หลังจากนั้นมา ก็ยืนเหนือจองมาตลอด เคยทำสถิติแตะระดับสูงสุดที่ 9.40 บาท เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2566 หรือปรับเพิ่มขึ้นจากราคาไอพีโอ 144.15% เชียวหนา…

สาเหตุเป็นเพราะ BVG เป็นหุ้นอินชัวร์เทค ประกอบธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันบริหารจัดการธุรกิจประกันภัยรถยนต์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ หนุนให้ผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2564 มีรายได้รวม 405.23 ล้านบาท กำไรสุทธิ 35.08 ล้านบาท ถัดมาปี 2565 มีรายได้รวม 444.50 ล้านบาท กำไรสุทธิแตะ 54.04 ล้านบาท และปี 2566 มีรายได้รวม 531.26 ล้านบาท กำไรสุทธิปาไป 69.13 ล้านบาท

เลยทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรกันคึกคัก..!!

ส่วนคนที่ได้หุ้นไอพีโอไปก็แฮปปี้เอนดิ้งกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG ซึ่งได้รับการจัดสรรหุ้นไอพีโอ 10 ล้านหุ้น ส่วนบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO ได้รับการจัดสรรหุ้น 10 ล้านหุ้น ด้าน “เซียนฮง”–สถาพร งามเรืองพงศ์ ได้รับการจัดสรรหุ้น 5.10 ล้านหุ้น ขณะที่ “เสี่ยปู่”–สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล ได้รับการจัดสรรหุ้น 5 ล้านหุ้น และ “ฐกร รัตนกมลพร” ได้รับการจัดสรรหุ้น 2 ล้านหุ้น เป็นต้น

แต่พอประกาศงบไตรมาส 1/2567 ออกมาเท่านั้นแหละ หงายเงิบกันเป็นแถว เพราะไม่ปังอย่างที่คิดแฮะ โดยในไตรมาสนี้ BVG มีกำไรสุทธิ 13.14 ล้านบาท ลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.37 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการบริการอยู่ที่ 129.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการบริการ 125.28 ล้านบาท

เกิดอาการเซ็งเป็ดไปตาม ๆ กัน ส่งผลให้ราคาหุ้น BVG เละเป็นโจ๊ก โดยเฉพาะวันที่ประกาศงบ 10 พ.ค. 2567 ราคาดิ่งเหวไป 17.80% ปิดตลาดที่ 4.48 บาท

นับตั้งแต่นั้นมาหุ้นก็เสียฟอร์มไปเลย จนล่าสุด BVG มีสถานะเป็นหุ้นต่ำจองเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว..!?

ขณะเดียวกันก็เริ่มเห็นสัญญาณไอ้เสียถอย อุ๊ย…ไม่ใช่ ๆ เสี่ยถอยต่างหากล่ะ..!!

เสี่ยที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “เสี่ยปู่” ที่ก่อนหน้านี้ทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตต่อเนื่อง จนขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2567 ได้ขายหุ้นออกมาจำนวน 219,600 หุ้น คิดเป็น 0.0488% ส่งผลให้เหลือถือหุ้น 22.31 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.9578% จากเดิมถืออยู่ 22.53 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.0066%

แม้จะไม่รู้ต้นทุนที่ชัดเจนของ “เสี่ยปู่”…แต่ถ้าดูจากการเก็บหุ้นมาอย่างต่อเนื่อง เดาว่าต้นทุนไม่น่าจะต่ำกว่าราคาไอพีโอนะ ในขณะที่ความเคลื่อนไหวของหุ้น BVG ในวันดังกล่าว ระหว่างวันอยู่ที่ 3.16–3.40 บาท…การขายหุ้นล็อตนี้จึงพออนุมานได้ว่าน่าจะขาดทุน..??

ดังนั้น ถ้า “เสี่ยปู่” อ้างว่าเป็นการขายทำกำไร…ดูจะฟังไม่ขึ้นนะ

เอ๊ะ..หรือมีอะไรที่เราไม่รู้ แต่ “เสี่ยปู่” รู้ป๊ะเนี่ย..??

เอาเป็นว่า…“เสี่ยปู่” จะเกียร์อาร์หุ้น BVG จริงมั้ย..?? อีกไม่นานคงได้รู้กัน

แต่เห็นราคาหุ้น BVG ยังเป็นขาลงอย่างนี้ เกรงว่านอกจาก “เสี่ยปู่” แล้ว เสี่ยคนอื่นจะใส่เกียร์อาร์ด้วยสินะ

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง…ก็เผ่นกันเถอะ..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button