พาราสาวะถี

ยังคงถูกนำไปขยายผลสแกนการขับเคลื่อนของ ทักษิณ ชินวัตร จากบทสัมภาษณ์ที่เปิดฉากเล่นงานกลุ่มอำนาจเก่าในงานบวชของลูกชายนักการเมืองดัง


ยังคงถูกนำไปขยายผลสแกนการขับเคลื่อนของ ทักษิณ ชินวัตร จากบทสัมภาษณ์ที่เปิดฉากเล่นงานกลุ่มอำนาจเก่าในงานบวชของลูกชายนักการเมืองดัง จังหวัดปทุมธานีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เรื่องคดีความที่อัยการสูงสุดนัดหมายนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาลวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ตามความผิดมาตรา 112 มีการวิเคราะห์กันไปถึงแนวทางการต่อสู้คดีหลังได้ฟังสิ่งที่นายใหญ่บอกกับนักข่าวแล้ว คงเน้นไปที่การชี้ให้เห็นถึงอำนาจเผด็จการ คสช.ครอบงำการปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวน

กรณีนี้ วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของทักษิณเคยบอกไว้แล้วว่า เมื่ออัยการสั่งฟ้อง ประเด็นที่นายใหญ่ได้ร้องขอความเป็นธรรม ก็จะสามารถนำมาเปิดเผยให้คนรับรู้ได้ ข่าวที่ปรากฏว่าทีมกฎหมายได้ทำหนังสือชี้แจงถึงอัยการสูงสุด โดยอ้างอิงถึงต้นเหตุของคดีที่พนักงานสอบสวนผู้แจ้งความดำเนินคดี ต้องดำเนินการภายใต้แรงกดดันจาก คสช. ทำให้ขาดความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ จึงไม่ใช่แค่รายงานข่าวจากคุณแหล่งข่าว แต่เป็นความจริงที่จะใช้ในการต่อสู้

อย่างน้อยก็ไม่ใช่การกล่าวหาแบบลอย ๆ ทีมกฎหมายของนายใหญ่จะมีการแนบคำให้การต่าง ๆ ของพนักงานสอบสวนเพื่อช่วยยืนยันในประเด็นการถูกกดดันจากอำนาจเผด็จการด้วย เป็นการจี้จุดเรื่องกระบวนการยุติธรรมตั้งต้นไม่บริสุทธิ์ โปร่งใส เมื่อพนักงานสอบสวนไม่มีความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ นั่นหมายความถึง พยาน หลักฐาน ต่าง ๆ ย่อมมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทนายความของทักษิณเคยชี้ประเด็นที่ว่าคลิปเสียงที่ใช้เป็นหลักฐานถูกตัดต่อด้วย

อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับทางอัยการสูงสุดว่า เมื่อได้รับหนังสือชี้แจงดังกล่าวแล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือไม่ แต่มาถึงจุดนี้แล้ว เชื่อแน่ว่า แนวโน้มน่าจะเป็นไปในทิศทางที่ว่า นำตัวนายใหญ่ไปส่งฟ้องต่อศาล เพื่อให้ผู้ต้องหาได้ไปต่อสู้กันในชั้นศาล องค์กรอัยการจะได้ไม่เกิดข้อครหา เพราะการที่มาบอกว่าคำชี้แจงของผู้ต้องหาที่ยื่นมาให้นั้นมีน้ำหนักหรือมีมูลพอที่จะต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน จึงต้องเลื่อนนัดการส่งตัวผู้ต้องหาออกไปก่อน อัยการสูงสุดจะเป็นฝ่ายถูกโจมตีเสียเอง

โดยเฉพาะจากฝ่ายกองแช่งที่เห็นได้ชัดว่ามีการบุกไปยื่นหนังสือให้อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องก่อนหน้านี้ หากจะมายื้อกันรอบนี้คงต้องตกเป็นเป้าโจมตีหนักหน่วงแน่นอน ส่วนประเด็นที่ว่าทักษิณจะขอเลื่อนการมาพบอัยการสูงสุดนั้น ถ้ายึดตามแทคติกทางกฎหมายก็มีความเป็นไปได้ แต่เมื่อมองในมุมที่ว่ายืดเยื้อออกไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร ตรงนี้ก็จะเป็นเหตุให้ไม่จำเป็นต้องเล่นเกมนี้ และก็จะถือเป็นบทพิสูจน์ด้วยว่า อำนาจที่ทำให้อดีตนายกฯ ได้กลับประเทศแบบเท่ ๆ นั้น ทรงพลังขนาดไหน

หากจับอาการของ เศรษฐา ทวีสิน ที่มีต่อคดีถูก 40 สว.ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ แม้ปากจะบอกว่ากังวลและขอร้องไม่ให้นักข่าวถามเรื่องนี้อีก แต่ลึก ๆ แล้วเชื่อว่าค่อนข้างจะมั่นใจในโอกาส “รอดมากกว่าร่วง” เพราะเดิมพันรอบนี้มันมากกว่าคำว่าสอยให้นายกฯ ภายใต้เครือข่ายระบอบทักษิณตกเก้าอี้ แล้วเลือกคนใหม่มาแทนประเทศก็เดินหน้าต่อไปได้ แต่มันหมายถึงภายใต้สถานการณ์ของบ้านเมืองที่ต้องใช้คนที่ใช่มันจะหมดไปในทันที

ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงผ่านการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา มันคือสัญญาณที่เด่นชัดว่า หากไม่แตะเบรกด้วยการใช้บริการพรรคการเมือง และคณะผู้บริหารที่เข้าใจสภาพการเมือง การปกครองของประเทศ โอกาสที่จะเกิดความขัดแย้ง แตกแยกระลอกใหม่ และจะสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั้นมีสูงยิ่ง นั่นจึงเป็นเหตุให้ไม่ว่าจะอย่างไรเศรษฐาต้องได้ไปต่อ และเป็นการก้าวเดินภายใต้ความร่วมมืออย่างแข็งขันของพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน

เห็นได้จากบทสัมภาษณ์ของทักษิณเกี่ยวกับคนบ้านในป่า บรรดาแกนนำพรรคร่วมต่างพากันยืนยันเสียงแข็งว่า ไม่ได้ทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างกันแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธรรมนัส พรหมเผ่า แม่บ้านพรรคสืบทอดอำนาจ ที่ออกโรงยืนยันเอง “ไม่เห็นทักษิณเอ่ยชื่อใคร” พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าสื่อเข้าใจไปเองหรือไม่ เป็นไปอย่างที่บทบาทของบางพรรคการเมืองนั้น ปัจจุบันอาจเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่อนาคตก่อนเลือกตั้งครั้งหน้า น่าจะพาลิ่วล้อในสังกัดไปเป็นสมาชิกพรรคแกนนำรัฐบาลเลยก็ได้

เช่นเดียวกันกับพรรคอันดับสองในรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล ย้ำหนักแน่นไม่มีคำว่าไม่ลงรอยกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ความเคลื่อนไหวใด ๆ ของฝ่ายกุมอำนาจ โดยเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับพรรคแกนนำถือเป็นสิ่งที่ใครมีอำนาจย่อมสามารถทำได้ เพียงแต่อย่าให้มันเกินพอดี จนสร้างความหมั่นไส้ให้คนส่วนใหญ่ก็แค่นั้น ตราบใดที่ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามครรลองที่ควรจะเป็น ไม่มีเหตุอันใดที่จะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลต้องสั่นคลอน

ในทางกลับกัน นอกจากพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาลไม่ปีนเกลียวกันแล้ว ยังพบว่าบางพรรคได้พยายามที่จะเติมเสียง สส.ให้กับพรรคตัวเอง ด้วยการดอดเจรจากับ สส.ของพรรคก้าวไกลที่มีแนวโน้มจะถูกยุบค่อนข้างแน่แล้ว งูเห่ากินกล้วย กำลังจะกลับมา ไม่ต้องถามว่าพรรคแกนนำฝ่ายค้านไม่มีทางเหนี่ยวรั้งคนเหล่านั้นไว้ได้เลยหรือ ตราบใดที่ยังไร้กระสุนเป็นเครื่องมือในการต่อรอง มีเพียงกระแสที่มั่นใจว่าต่อให้ถูกยุบ เมื่อมีพรรคสำรองไว้แล้ว ยังไงก็ได้กลับมาแน่ และจะยิ่งใหญ่กว่าเดิม ก็ยากที่จะเจรจา

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นักเลือกตั้งไม่ว่าจะมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพ ต้องท่องตำราการเมืองให้ขึ้นใจ ทุกครั้งของการเลือกตั้งใหม่ ไม่มีใครการันตีจะได้กลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อได้โอกาสเข้าไปในสภาหินอ่อนแล้ว มีจังหวะที่จะสะสมกระสุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหรือดีกว่าของตัวเองและครอบครัวต้องรีบไขว่คว้า หากพรรคถูกยุบก็เท่ากับอิสระในการหาพรรคสังกัดใหม่ได้ ยิ่งการได้ไปร่วมกับพรรคฝ่ายกุมอำนาจมันคือการได้สองเด้ง ทั้งกล้วยที่หยิบยื่นให้กันแบบสด ๆ และโอกาสของการกอบโกยที่เป็นกอบเป็นกำ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับฝ่ายเตรียมข้อเสนอแล้วว่า จะสามารถดึงดูดใจให้งูเห่าทั้งหลายเลื้อยไปลงรูได้มากขนาดไหน

อรชุน

Back to top button