ตลาดหุ้นเคว้งหนัก
ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา “โมนิก้า” เดินไปซื้อของที่ตลาดสดสองสามแห่งในกรุงเทพฯ ก็พบว่า พ่อค้าแม่ขายต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ข้าวของแพงกว่าเมื่อก่อนมาก
ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา “โมนิก้า” เดินไปซื้อของที่ตลาดสดสองสามแห่งในกรุงเทพฯ ก็พบว่า พ่อค้าแม่ขายต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าข้าวของแพงกว่าเมื่อก่อนมาก และผู้คนก็พยายามประหยัดมากขึ้น ส่งผลให้การค้าขายฝืดเคืองมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจไม่สะพัดเหมือนที่พรรคเพื่อไทยเคยโม้ตอนหาเสียงว่า “คนไทยมีกินมีใช้ ไปพร้อม ๆ กันค๊า” สตรอว์เบอร์รีเหลือเกินนะจ๊ะ
ถามว่า ทำไมถึงหัวเสียกับพรรคนี้มากเหลือเกิน “โมนิก้า” ขอตอบว่า เป็นเพราะพวกหัวแก่หัวหงอกมัวแต่ยกหางนายใหญ่ และไม่มีใครคิดจะห้ามปรามเรื่องปากเปราะ หลังเที่ยวไปวิจารณ์เรื่องนั้นเรื่องนี้ ทั้งที่ตัวเองควรจะอยู่แบบสงบปากสงบคำ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ “เสี่ยนิด” ในการจัดการปัญหาด้านต่าง ๆ แต่นายกฯ ทัวร์นกขมิ้นก็ดันติดหล่มชนิดโงหัวไม่ขึ้นกับเรื่อง “เงินดิจิทัล” ทุกอย่างเลยดูไร้ทิศทางไปหมดพะย่ะค่ะ
ส่วนคนที่คิดว่าจะเป็นความหวังอย่าง “พิชัย” ที่เข้ามาสวมหัวโขนขุนคลังแบบเต็มตัว ก็ดูเหมือนจะเก่งแค่เรื่อง “บัญชีกับการเงิน” เพราะเดินสายนี้มาทั้งชีวิต “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า จะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นเหมือนที่ผู้คนคาดหวังได้แค่ไหน? เพราะลำพังแค่ไปคุยกับ “เอกนิติ” อธิบดีกรมสรรพสามิต เพื่อขอให้ลดการจัดเก็บภาษีน้ำมัน ซึ่งจะเป็นการช่วยตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทเหมือนยุคลุงตู่ ก็ยังทำไม่ได้เลยแบบนี้..อิหยังวะ!
ที่น่าสนใจก็คือ รู้ทั้งรู้ว่า ดีเซลขึ้นจนจะแตะ 33 บาทจะทำให้ข้าวของแพงระยับ แต่พวกท่าน ๆ กลับทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน บรรดาผู้คนมากมายเลยอยากรู้เหตุผลที่ทำให้การลดราคาน้ำมัน ทำไมถึงช่างยากเย็นเหลือเกิน (อีตอนหาเสียงบอกทำทันที พอเอาเข้าจริงกลับต้องรอจนเหงือกแห้ง) “โมนิก้า” เลยมองไม่เห็นหนทางที่ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นในเร็ววัน ยกเว้นรัฐบาลทำได้เหมือนที่พูดสักเรื่องสองเรื่อง ดัชนีน่าจะขึ้นได้อีกครั้งจ้า!
ฉะนั้นการที่ตลาดหุ้นหมุนตัวไปมาเหมือนลูกข่าง ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,316.69 จุด บวกไป 0.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.65 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจอย่างแรง เพราะวันนี้ วันพรุ่งนี้ ไม่รู้จะเป็นอย่างไร? ผนวกกับบริษัทในตลาดหุ้นเจอมรสุมการเงินถาโถมเข้าใส่เป็นระลอก และต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกระยะ จึงกลายเป็นช็อตที่นักลงทุนต้องประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบไงล่ะคะ
เหมือนกับสถานการณ์ของหุ้น EA ที่โดนสารพัดเรื่องถาโถมไม่หยุดหย่อน แต่ก็พยายามแก้ปัญหาไปทีละเปลาะ กลายเป็นสตอรี่ที่น่าติดตามพอสมควร ผนวกกับมีการจับมือกับ “สปป.ลาว” พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด 7 GW เป็นแบ็คอัพ “โมนิก้า” ถึงมองราคาหุ้นที่แกว่งตัวลงเป็นเวลานาน ก็เป็นจังหวะของธุรกิจที่ “มีขึ้น มีลง” เลยเข้าใจเหตุผลที่ราคาหุ้นย่อตัวลงมาปิดที่ 20.10 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 4.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 572 ล้านบาทเจ้าค่ะ
ประเด็นข้างต้นเหมือนกับการขึ้นลงของ DELTA ในช่วงที่ผ่านมาก็ล้อไปกับผลประกอบการ โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 63 ราคาหุ้นขึ้นต่อเนื่อง แต่มาร่วงหนักในช่วงต้นปี 64 ก่อนจะแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ และทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังปี 65 และไปพีกสุดในช่วงกลางปี 66 ซึ่งไปทำไฮไว้ที่บริเวณ 120 บาท ก่อนจะร่วงลงอีกครั้ง พร้อมกับทำโลว์ครั้งแรกในปี 67 ที่บริเวณ 63 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 78 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.95 พันล้านบาทแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไปนะจ๊ะ
เช่นเดียวกับการร่วงหนักของหุ้นประกันชีวิตอย่าง TLI ก็มีประเด็นเกี่ยวกับการไม่โตเป็นสำคัญ และส่งผลให้ถูกดาวน์เกรดนั้น เดี๊ยนก็ยังมองเป็นเรื่องของวัฏจักรธุรกิจ แต่เผอิญไซเคิลนี้มีตัวแปรที่ทำให้การตกท้องช้างนาน จึงทำให้นักลงทุนสถาบันรินขายหุ้นออกมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 7.50 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 4.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 374 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low ก็เท่านั้นเองค่ะ
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น IVL เป็นรายถัดมา เพราะธุรกิจอยู่ในวัฏจักรขาลงเหมือนกับรายข้างต้น ผสานกับเศรษฐกิจโลกก็อยู่ในช่วงชะลอตัวเป็นเวลานาน เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่วานนี้ราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ20.20 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 815 ล้านบาท เพราะหลายคนรับรู้มาระยะหนึ่งว่า ไตรมาสนี้งบยังไม่ดีน่ะซี
โมนิก้า: และทีมงาน