ความจริงมีหนึ่งเดียว
หลายคนถามเดี๊ยนว่า ทำไมช่วงนี้ดุดันเหลือเกิน และฟาดหนักใส่รัฐบาลร่างทรง “โทนี” มากเหลือเกิน “โมนิก้า” เลยขอพูดตรง ๆ ว่า แล้วรัฐบาลเป็ดง่อยทำอะไรให้น่าชื่นชมบางล่ะ!
หลายคนถามเดี๊ยนว่า ทำไมช่วงนี้ดุดันเหลือเกิน และฟาดหนักใส่รัฐบาลร่างทรง “โทนี” มากเหลือเกิน “โมนิก้า” เลยขอพูดตรง ๆ ว่า แล้วรัฐบาลเป็ดง่อยทำอะไรให้น่าชื่นชมบ้างล่ะ! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประมูลข้าว 10 ปี รวมถึงประเด็นเงินดิจิทัล หรือแม้กระทั่ง “ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส” ล้วนเป็นเรื่องที่สังคมรุมด่าเช้าเย็นแบบนี้..แล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อพวกคนของพรรคเพื่อไทยต่างหุบปากเงียบเป็นเป่าสากกันเป็นแถวน่ะซี
ผนวกกับการเลือกผู้จัดการตลาดคนใหม่ก็มีประเด็นให้คนในสังคมกังขากันเป็นแถว เพราะลูกหม้อที่รู้งานเป็นอย่างดีอย่าง “แมนพงศ์” และเป็นตัวเต็งที่คนในแวดวงตลาดหุ้นเชียร์กันทั้งบาง แต่ดันไม่ผ่านเข้ารอบชิงเสียอย่างนั้น จึงทำให้พวก “นกกระจิบ นกกระจอก” เม้าท์กันให้แซ่ดว่า นี่อาจเป็นใบสั่งที่มาจาก…หรือเปล่า? ซึ่งต้องการให้คนของตัวเองเข้ามานั่งในตำแหน่งนี้ เพราะสามารถกดปุ่มสั่งได้ทุกอย่างกระมัง!
ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้คนในวงการตลาดหุ้นเห็นใจพี่แมนกันเป็นจำนวนมาก และเห็นด้วยกับการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรองผู้จัดการตลาดฯ (อยู่ไปก็ไลฟ์บอย) “โมนิก้า” ถึงมองว่า คนใหม่ที่เข้ามารับตำแหน่งต้องเผชิญกับโจทย์หินอย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นการวัดกึ๋นผู้จัดการคนใหม่ได้เป็นอย่างดี เพราะบริบทของตลาดหุ้นไทยต้องการคนที่จะมาปลุกเร้าความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยพะย่ะค่ะ
ขนาดเจ้ากระทรวงการคลังอย่าง “พิชัย” โปรยยาหอมออกมาเรื่อย ๆ แต่ตลาดหุ้นไทยก็ยังไม่ตอบรับ และแกว่งตัวในลักษณะสาละวันเตี้ยลง และการที่ดัชนีอ่อนตัวลงมายืนปิดที่ระดับ 1,311.78 จุด ลบไป 4.91 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.82 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า นักลงทุนกังวลเรื่องเศรษฐกิจไทยที่โตน้อยสุดในย่านนี้มากกว่า จึงทำให้ต่างชาติขนเงินออกไปลงทุนในตลาดหุ้นที่โตดีกว่าก็เท่านั้นเองจ้า!
ขนาดหุ้นที่สตรองสุด ๆ ในตลาดหุ้นไทยอย่าง PTTEP ยังถูกขายออกมาทุกครั้งที่เริ่มผงกหัว “โมนิก้า” ถึงรู้สึกกังวลใจมากพอสมควรว่า หุ้นจะยืนเหนือแนวรับ 150 บาทได้นานแค่ไหน? เพราะอันที่จริงต้องบอกกันตามตรงว่า ราคาหุ้นระดับนี้ค่อนข้างถูกสุด ๆ ไม่ว่าจะมองในมุมของ PE 8 เท่า หรือมองในมุมของปันผลที่อยู่ในระดับ 6% ก็ทำให้ราคาปิดที่ 150.50 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 2.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 965 ล้านบาทน่าสนใจวันยันค่ำนะจ๊ะ
ประเด็นดังกล่าวเทียบได้กับหุ้น SCB ซึ่งทุกวันนี้เทรดบน PE 8 เท่า และยังมีเรื่องของปันผลที่อยู่ในระดับ 9% แต่ราคาหุ้นก็ยังป้วนเปี้ยนไปมาที่ระดับ 105 บาท และค่อนไปในทางอ่อนตัวลงมากกว่าปรับตัวขึ้นนั้น “โมนิก้า” มองเป็นภาพของความไม่พร้อมที่จะขึ้นมากกว่าเรื่องของพื้นฐาน จึงอยากให้นักลงทุนลองเทียบ BV ที่ระดับ 145 บาท กับราคาหุ้นในกระดานที่ระดับ 104.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 954 ล้านบาท เขากลัวอะไรกันเหรอ?
ส่วนรายที่เริ่มฟอร์มตัวขึ้นใหม่ และมีแรงซื้อเข้ามาเป็นระยะอย่าง SISB ก็มีช็อตที่น่าสนใจตรงที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ถึงเชื่อเสมอมาว่า แม้ราคาหุ้นจะอ่อนตัวลงในบางช่วง สุดท้ายราคาหุ้นจะวิ่งกลับขึ้นมาสะท้อนพื้นฐาน จึงอยากจะเม้าท์ว่า การยืนปิดที่ระดับ 38.25 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 4.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 124 ล้านบาท โดยเที่ยวก่อนขึ้นไปถึง 45 บาทมันน่าสนใจไหมล่ะ
อีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบช้าแต่ชัวร์ เพราะกำลังอยู่ในช่วงของการกลับมาโต คงต้องมองไปที่หุ้น YGG เป็นรายถัดมา ยิ่งมองในมุมของกำไรไตรมาส 1 โตดี และมีสิทธิ์ที่จะเบ่งกำไรได้อีก “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 6.70 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 85 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการทยอยสะสม เพราะหลายครั้งที่หุ้นเด้งกลับ มักพยายามขึ้นไปหาแนวต้าน 8 บาทน่ะซี
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้นน้องใหม่ CFARM ซึ่งทำธุรกิจรับเลี้ยงลูกเจี๊ยบส่งผู้ค้ารายใหญ่ของประเทศ ก็มีมุมที่น่าสนใจตรงที่รอบจับไก่ส่งลูกค้าอยู่ในช่วงไตรมาส 2 พอดี และในช่วงปลายปีก็เป็นจังหวะของการขยายโรงเลี้ยง จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการช้อนซื้อลงทุนระยะยาว เพราะการยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 1.48 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48 ล้านบาท ท่ามกลาง PBV 1.30 เท่า มันเป็นระดับที่ลงทุนได้สบาย ๆ เจ้าค่ะ
โมนิก้า: และทีมงาน