พาราสาวะถี
ยังคงฉาวไม่หยุดหย่อนสำหรับวงการสีกากี ล่าสุด เกิดเหตุเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ที่ถูกจับกุมได้ และจอดไว้ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ
ยังคงฉาวไม่หยุดหย่อนสำหรับวงการสีกากี ล่าสุด เกิดเหตุเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำพร้อมน้ำมัน 3.3 แสนลิตร ที่ถูกจับกุมได้ และจอดไว้ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อรอดำเนินกระบวนการตามกฎหมาย อันตรธานหายไปแบบไร้ร่องรอย คำถามตัวโตคือ มันเป็นไปได้อย่างไร ไม่ใช่ของกลางชิ้นเล็ก ๆ เป็นมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์ นี่เรือลำใหญ่และกว่าเคลื่อนตัวออกจากท่าได้ มันต้องใช้เวลา เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรเชียวหรือ
ใครที่เกี่ยวข้องคงปฏิเสธความรับผิดชอบได้ยาก อย่างน้อยการดำเนินคดีอาญามาตรา 157 ต้องมี ผลตรวจสอบมากไปกว่านั้น ทั้งทางวินัย และการรับสินบนคงต้องตามมา จะอ้างเหตุอะไรคงฟังยาก แน่นอนว่า ตามรายงานข่าว เม็ดเงินที่ใช้เพื่อการนี้สูงถึงตัวเลข 8 หลักย่อมมีความเป็นไปได้ ส่วนที่ว่าจะติดตามเอาเรือพร้อมน้ำมันเถื่อนกลับคืนคงยาก หากเป็นไปตามข่าวว่าหนีไปไกลถึงกัมพูชาแล้ว ผู้ต้องหาหนีไปปักหลักที่น่านน้ำเพื่อนบ้านจะจัดการกันได้อย่างนั้นหรือ
งานนี้ ที่จะทำให้กู้ภาพลักษณ์อันเลวร้ายของวงการสีกากี คงหนีไม่พ้นการทำงานคลี่คลายคดีภายใต้การนำของ “บิ๊กเต่า” พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพราะยืดอกยอมรับผิดว่า เจ้าหน้าที่บกพร่องในการดูแลของกลางให้ครบถ้วน ไม่ใช่แค่ไปแล้วเอากล้องติดดูบ้างไม่ดูบ้าง จึงถือว่า “เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง” และมีการเอื้อประโยชน์กับใครหรือไม่ หวังว่าคงจะเป็นไปอย่างที่มีการลั่นวาจาไว้ ตรวจสอบเจอจะฟันไม่เลี้ยง
สถานการณ์การเมืองนาทีนี้ ก็โหมประโคมข่าวกันเสมือนว่าประเทศไทยจะวินาศสันตะโรแล้วในวันพรุ่งนี้ (18 มิถุนายน) เพราะจะมีการพิจารณา 3 คดีสำคัญ โดยเฉพาะกรณีของ เศรษฐา ทวีสิน ปล่อยข่าวกดดันถึงขั้นว่าจะลาออกหรือยุบสภาเพื่อหนีความผิด ทำให้เจ้าตัวต้องประกาศผ่านนักข่าว ไม่มีการใช้วิธีการพิสดารในการหนี พร้อมยืนยันหลักการในฐานะฝ่ายบริหาร หนึ่งใน 3 อำนาจอธิปไตย ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายตุลาการมีข้อข้องใจ หน้าที่ของนายกฯ ก็ต้องเสนอ ชี้แจงและน้อมรับคำตัดสิน
อย่างไรก็ตาม น่าสนใจว่านอกจากคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญที่เศรษฐาได้ส่งไปก่อนหน้านี้ เมื่อศาลได้มีคำสั่งให้คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทางท่านผู้นำจึงมีการส่งรายชื่อพยานเพิ่มเติม 1 คน ตัวละครดังว่านั้นคือใคร หลายคนมองไปยัง วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกฯ เพราะคงจะเป็นบุคคลที่สามารถอธิบายข้อกฎหมายได้ชัดเจน รวมไปถึงประเด็นที่จะมีการตีความเรื่องใหม่อย่างความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เป็นการดักทางและจะได้แก้ต่างให้หายสงสัย
ทั้งนี้ อยู่ที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีการไต่สวนคดีหรือไม่ ในกรณีนี้เศรษฐายังคงยืนยันหลักการทุกอย่างเป็นดุลพินิจของศาล ไม่ก้าวล่วง และต้องให้เกียรติกัน ท่าทีเช่นนี้ย่อมแตกต่างจากอีกฝ่ายที่เปิดหน้าชก และท้าทาย ที่ต้องขีดเส้นใต้จากคำพูดของนายกฯ ก็คือการมาทำหน้าที่ตรงนี้ก็ “ลำบากทุกเรื่อง” อย่านำตนไปเป็นประเด็นว่าเป็นกันชนระหว่างอนุรักษนิยมสุดโต่งกับฝ่ายก้าวไกลสุดทาง ตามสไตล์เศรษฐาที่ย้ำว่า ถ้ามีปัญหาก็ต้องปรับกันไป มีข้อคิดเห็นไม่ตรงกันก็ต้องพยายามชี้แจง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำมาตั้งแต่รับตำแหน่ง
ความจริงแล้วความลำบากที่เศรษฐาว่า น่าจะเป็นลำบากใจมากกว่า เรื่องระหว่างอนุรักษนิยมสุดโต่งกับก้าวไกลนั้น เป็นประเด็นรอง ความไม่ลงรอยหรือเกิดการเขม่นกันในส่วนของผู้ยิ่งใหญ่ของพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญต่างหาก ที่ทำให้นายกฯ เกิดภาวะน้ำท่วมปาก เหมือนกรณีของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่บทบาทในการนำ และปฏิสัมพันธ์ที่มีกับท่านผู้นำและรัฐบาล กลับเป็นหน้าที่ของเลขาธิการพรรคอย่าง ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปเสียฉิบ
จะอ้างว่าไม่ได้มีแค่ผู้กองมันคือแป้งเพียงคนเดียว ยังมีน้องชายร่วมสายเลือดอย่าง พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐเป็นตัวประสานทำงานร่วมกับเศรษฐาอยู่ เหล่านั้นมันคือระยะห่าง และเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เมื่อมีประเด็นว่ามีฝ่ายเคลื่อนไหวที่จะล้มเศรษฐาและรัฐบาล ทุกสายตาจึงจับจ้องมองไปยังพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. เพราะพฤติกรรมที่ไม่สุงสิงกับนายกฯ และพรรคร่วมรัฐบาล มันส่อแสดงให้เห็นว่ายังรับไม่ได้กับการไม่ได้เดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
อาจจะมองกันได้ว่า ที่ต้องโลว์โปรไฟล์เพราะไม่อยากให้ภาพของแกนนำขบวนการสืบทอดอำนาจมาทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลเสียหาย คงมีส่วนแต่เล็กน้อยมาก ทุกอย่างมันฟ้องด้วยหลักฐานนับตั้งแต่การโหวตเศรษฐาเป็นนายกฯ ที่พอไปสแกนเสียงของพวกลากตั้ง เห็นได้ชัดว่าสายตรงของใครที่เปิดใจรับความเปลี่ยนแปลง ใครที่ยังอยากมีอำนาจเหมือนหรือมากกว่าเดิม เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มันย่อมส่งผลไปยังพรรคที่ตัวเองกุมบังเหียน
เสียงส่วนใหญ่หนุนเศรษฐา และยินดีที่จะช่วยการขับเคลื่อนนโยบายของเพื่อไทยเต็มที่ ดังนั้น สารที่ ทักษิณ ชินวัตร สื่อถึงคนในบ้านป่า จึงไม่ใช่การกระแทกหมัดตรงสร้างความสั่นคลอนต่อพรรคร่วมรัฐบาล แต่เลือกที่จะแซะไปยังตัวบุคคล เพื่อกระตุกให้รู้ว่า ใครคิดและทำอะไรที่ไม่ซื่อกับรัฐบาลอยู่ ยังคงใช้วิธีการแบบเดิมสร้างความวุ่นวาย หวังผลให้ประเทศกลับไปสู่วังวนเดิมเหมือนช่วงความขัดแย้ง และเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลประชาธิปไตย
ความเคลื่อนไหวในรูปแบบเดิม เพิ่มเติมคือใช้กระบวนการทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะไม่มีมวลชนที่จะให้ปลุกระดมเหมือนในอดีตอีกแล้วนี่เอง ที่ทำให้เศรษฐาและเพื่อไทยรู้แกว จึงตีกันดักคอกันไว้ล่วงหน้า สถานการณ์ทางการเมืองที่ว่าร้อนจึงน่าจะเป็นอย่างที่ วันชัย สอนศิริ สว.ที่ปรับตัวทันต่อการเปลี่ยนบอกไว้ ไม่เห็นมีอะไรที่จะลุกเป็นไฟ มีก็แต่คนที่โกรธ เกลียด อาฆาตมาดร้าย คิดจะล้มคนอื่นเท่านั้นที่จะอกแตกตายและไฟสุมทรวง อีกไม่กี่อึดใจก็จะได้รู้กันสิ่งที่บางพวกบางฝ่ายให้ความเห็น และหวั่นเกรงกันว่าจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองย่ำแย่นั้นจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่
อรชุน