สังคมข่าวหุ้น

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 มิ.ย.) ปิดที่ 1,319.14 จุด บวก 2.41 จุด หรือ 0.18% มูลค่าการซื้อขาย 39,344.67 ล้านบาท โดยหุ้นแบงก์ราคาทรงตัวในแดนบวกเล็กน้อยทั้ง BBL และ KBANK ขณะเดียวกัน มีแรงซื้อในหุ้น PTTEP อย่างไรก็ตาม หุ้นบิ๊กแคปอย่าง DELTA ราคาอ่อนตัวลง จึงส่งผลต่อตลาดหุ้นโดยรวมให้ปรับตัวขึ้นได้ไม่มาก

แม้ว่ากระแสข่าวของการปลุกชีพกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่สร้างความฮือฮาให้แก่ตลาดทุน ต้องโดนกระทรวงการคลังปัดตกไป แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของกองทุนหุ้นยั่งยืน (TESG) เพื่อสร้างความน่าสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น วันนี้เจ๊ได้รวบรวมข้อมูลเงื่อนไขใหม่ของ TESG มาให้ผู้อ่านและนักลงทุนเข้าใจง่าย ๆ อีกครั้งนะเจ้าคะ โดยเงื่อนไขใหม่ กระทรวงการคลังและ ก.ล.ต. เตรียมที่จะเสนอ ครม.พิจารณา ประกอบไปด้วยขยายวงเงินลดหย่อนภาษีนิติบุคคลจากเดิมไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินและซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เป็นซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท พร้อมกับลดระยะเวลาถือครองจาก 8 ปี (นับจากวันที่ซื้อ) เหลือระยะเวลาถือครอง 5 ปี (นับจากวันที่ซื้อ) รวมไปถึงยังได้มีการปลดล็อกเงื่อนไขการลงทุนให้บริษัทสมาชิกหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) โดยสามารถลงทุนในหุ้นไทยที่อยู่ในดัชนี ESG ที่ได้รับความเชื่อถือระดับสากล หรือระดับการประเมิน cg rating ของ IOD และมีการเปิดเผยข้อมูลด้านบรรษัทภิบาล (G) ในระดับและรูปแบบ ที่ ก.ล.ต. กำหนด และจากเดิมที่จะลงทุนได้เพียงหุ้น SET/MAI ที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (E)/ESG หรือเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจก ซึ่งทำให้หุ้นใน Universe จะมีเพียง 121 หลักทรัพย์ แต่ภายหลังที่ได้เพิ่มคุณสมบัติทางด้าน Governance (G) จะทำให้หุ้นใน Universe ของ TESG เพิ่มเป็น 300 หลักทรัพย์ ส่วนการลงทุนใน ESG Bond และ Green Token ยังคงอยู่ไว้เช่นเดิม

ขณะที่ บล.ธนชาต มอง “บวก” ต่อตลาดหุ้นไทย และแนะนำ “ซื้อ” หุ้น Big Cap พื้นฐานดี ที่เป็นเป้าหมายกองทุน Thai ESG ชอบ ADVANC, AMATA, BDMS, BEM, CBG, CK, CKP, CPALL, CPN, MINT, MTC, SCGP, GULF และ TTB

วินโดว์เดรสซิ่งเป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนมักเชื่อว่าผู้จัดการกองทุนหรือนักลงทุนสถาบัน จะซื้อหรือขายหุ้นในช่วงก่อนสิ้นไตรมาส เพื่อทำให้ผลการดำเนินงานของพอร์ตการลงทุนดูดีขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 2 และไตรมาส 4 เนื่องจากจะเป็นไตรมาสที่มีการสรุปตัวเลขผลการดำเนินงานไปนำเสนอให้กับลูกค้า โดย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้มุมมองว่า สถิติผลตอบแทนของ SET Index ช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของไตรมาส 2 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -0.1% ด้วยความน่าจะเป็น 50% แต่ฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนสถาบันเป็นยอดซื้อสุทธิเฉลี่ยราว 1,740 ล้านบาท ดังนั้น หุ้นที่มีโอกาสได้แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ควรจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ที่นักลงทุนสถาบันมักจะให้น้ำหนักมากกว่าหุ้นขนาดเล็ก และเป็นหุ้นที่ outperform ตลาดเมื่อเทียบตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ TOP, BEM, SPRC, OSP, MINT, STA, SCGP, CPALL และ RCL

บมจ.เจนก้องไกล (JPARK) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า “สันติพล เจนวัฒนไพศาล” ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทได้มีการขายหุ้นบิ๊กล็อต เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2567 จำนวน 39.90 ล้านหุ้น โดยเป็นการขายให้กับนักลงทุน 7 ราย ซึ่ง 2 ใน 7 รายดังกล่าว มี “พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี” นักลงทุนรายใหญ่ เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 19.90 ล้านหุ้น หรือ 4.98% และ “สุระ คณิตทวีกุล” ผู้บริหาร บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ซื้อจำนวน 10 ล้านหุ้น หรือ 2.50% นอกจากนี้ก็มีรายอื่น ๆ อีกด้วย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตรร่วมเปิดโลกการเรียนรู้แบบเข้มข้น เจาะลึกการวิเคราะห์ทางการเงินและการจัดการลงทุน เตรียมความพร้อมคนรุ่นใหม่เข้าสู่วิชาชีพด้านการเงิน ผ่านโครงการ “New Breed Capital Market Financial Professionals” โดยปีนี้มีนิสิตนักศึกษาสนใจเข้าร่วม 3,010 คน จาก 84 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

บมจ.ไทยประกันชีวิต TLI ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียวของสหรัฐอเมริกา หรือ LEED (The Leadership in Energy and Environmental Design) ระดับ GOLD โดยผ่านการรับรองมาตรฐานจาก U.S. Green Building Council (USGBC) & Green Business Certification Institute (GBCI) โดยอาคารไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่ ถ.รัชดาภิเษก ทั้งสองอาคาร ผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED Version 4.1 ในประเภท O+M: EB หรือ LEED for Operations and Maintenances: Existing Buildings ซึ่งเน้นการจัดการและดูแลรักษาอาคารที่มีอยู่เดิม ด้วยการปรับปรุงอาคารและระบบให้มีการประหยัดพลังงานมากขึ้น มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรของอาคาร ช่วยลดผลกระทบด้านลบ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ดวงดี