พาราสาวะถี

การเมืองว่าด้วยเรื่องโกหกจนคิดว่าเป็นเรื่องจริงได้หมดยุคไปแล้ว หลังมีการตั้งรัฐบาลพลิกขั้วโดยการนำของเพื่อไทย


การเมืองว่าด้วยเรื่องโกหกจนคิดว่าเป็นเรื่องจริงได้หมดยุคไปแล้ว หลังมีการตั้งรัฐบาลพลิกขั้วโดยการนำของเพื่อไทย ต้องยอมรับกันอย่างหนึ่งว่า ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ล้วนแต่เป็นโลกแห่งความจริงของบริบททางการเมืองประเทศไทยที่จะเดินกันไปในรูปแบบนี้ ใครจะคิดยังไงก็ช่างแต่สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร คือตัวจริง เสียงจริง ในการนำพาเพื่อไทยกลับคืนสู่อำนาจ ไม่ว่าจะแลกเปลี่ยนกันด้วยเงื่อนไขใดก็ตาม ทุกอย่างตั้งอยู่บนข้อตกลงที่ว่าไม่ให้ก้าวไกลได้เป็นใหญ่ ทำให้ประเทศเดินหน้า ก้าวข้ามความขัดแย้งให้ได้

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทักษิณจะไปปรากฏตัวแบบเซอร์ไพรส์บรรดา สส.ของพรรคนายใหญ่ที่คลาสเรียนเพื่อไทยอคาเดมี จนมีการแซวกันว่าจะตั้งให้เป็นผู้ช่วยหัวหน้าพรรคก็คือ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของอดีตนายกฯ นั่นเอง ประเด็นนี้ไม่ต้องขยายผลอะไร ไม่จำเป็นต้องมีหัวโขนใด ๆ ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ใครก็อยากได้คำชี้แนะจากบิ๊กแม้ว แล้วลูกสาวที่ใกล้ชิดจะไม่ได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธ์ทางการเมืองให้อย่างนั้นหรือ

หากมองในแง่ของความมั่นใจของพลพรรคเพื่อไทยต้องบอกว่าเต็มเปี่ยม ทั้งการมีตัวหัวหน้าพรรคที่ได้ชื่อว่าของจริง ตัวจริง แล้วยังมีแบ็คอัพที่ทุกคนในพรรคให้ความเชื่อมั่น ศรัทธา ย่อมทำให้เกิดกำลังใจในการที่จะต่อสู้บนถนนการเลือกตั้งกันอย่างเต็มที่ มุมของความพร้อมด้านกระสุน และยุทธศาสตร์ถือว่าเต็มร้อย เหลือเพียงผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน เท่านั้น ที่จะต้องเร่งทำให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ขอแค่หนึ่งเรื่องที่เข้าตาประชาชน และได้ประโยชน์แบบเต็ม ๆ ก็จะทำให้ติดปีกความมั่นใจกับสมาชิกพรรคได้เป็นอย่างดี

เรื่องที่ว่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามนำไปเป็นประเด็นโจมตีนั้น หลีกเลี่ยงกันไม่ได้ ขนาดทักษิณอยู่นอกประเทศยังถูกกล่าวหาว่าครอบงำ ชี้นำพรรค นี่ตัวเป็น ๆ มาร่วมวงนำทางทั้งแบบเปิดเผย และในทางลับ มีหรือที่จะรอดพ้นจากการจ้องจับผิดของคู่แข่ง และกองแช่ง เพียงแต่ว่ากลุ่มเคลื่อนไหวที่เคยต่อต้านระบอบอุปโลกน์อย่างระบอบทักษิณก่อนหน้านี้อ่อนแรงแทบจะสูญสลายไปหมดแล้ว มันจึงทำให้แรงเสียดทานที่จะกระแทกใส่รัฐนาวาของเศรษฐานั้นเบาบางตามไปด้วย

จะเห็นได้ถึงความพยายามในการปล่อยข่าว สร้างกระแสที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาด ๆ เป็นประเด็นเพื่อไทยเตรียมเขี่ยพรรคสืบทอดอำนาจพ้นจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ง่าย ๆ ใช้ปมที่ทักษิณพาดพิงถึงคนในบ้านป่าสร้างความวุ่นวายทางการเมือง ไปใส่สีตีไข่หวังเปิดแผลขยายผล แต่ความจริงก็คือบุคคลที่มีการกล่าวถึง หลังการเข้าร่วมรัฐบาลแล้ว แทบจะไม่มีบทบาทในการนำภายในพรรคแม้แต่น้อย เหลือฐานะเพียงแค่ผู้หลักผู้ใหญ่อันเป็นที่เคารพของสมาชิกเท่านั้น

อย่างที่รู้และเห็นกัน ตั้งแต่การก่อร่างตั้งรัฐบาล ผู้มีบทบาทนำในการพา สส.ของพรรคโหวตหนุนเศรษฐาเป็นนายกฯ ก็คือ ธรรมนัส พรหมเผ่า ขณะที่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.นอกจากจะไม่ได้มีส่วนร่วมแล้ว ยังถูกจัดอยู่ในพวกกีดกันไม่ต้องการให้แคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยได้สมหวังอีกต่างหาก เห็นได้จากเสียงของ สว.สายตรงที่ไม่ได้ยกมือให้ในการเลือกของที่ประชุมวุฒิสภา ด้วยเหตุนี้เมื่อมีคำถามนายกฯ ต่อการจะเข้าพบหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญ จึงมีการปฏิเสธแบบไร้เยื่อใย

ประสาคนที่พูดตรงไปตรงมา คำพูดของเศรษฐาที่ว่า “ผมก็ไม่เคยรู้จักท่าน หากเจอกันในงานต่าง ๆ หรือท่านมาที่สภาเจอกันผมก็คงไปแสดงความเคารพท่าน” เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความเหินห่าง ไม่ให้ราคาในความเป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะท่าที และการแสดงออกของคนที่เป็นผู้นำพรรค ตั้งแต่รับตำแหน่งยังไม่เคยเห็นภาพของพี่ใหญ่คนดังว่าไปร่วมแสดงความยินดีกับนายกฯ แม้แต่น้อย ดังนั้น ความเกรงใจต่อกันจึงไม่จำเป็น

เป็นที่รู้กันบทบาทของธรรมนัสไม่ใช่แค่การนำ สส.และบรรดาสมาชิกสายตรง ทำงานชนิดร่วมหัวจมท้ายกับเศรษฐาและเพื่อไทยเท่านั้น การสนองตอบต่อนโยบายของนายกฯ และการดูแล เข้าถึงคนเบื้องหลังสำคัญของรัฐบาล ผู้กองมันคือแป้งก็ไม่ขาดตกบกพร่อง จนถูกมองว่าก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคสืบทอดอำนาจอาจจะไม่อยู่ในสารบบพรรคการเมืองอีกต่อไป น่าจะมีการยกโขยง นำทีมงานสังกัดพรรคแกนนำรัฐบาลกันทั้งหมด

ความไว้วางใจ ให้เกียรติจะเห็นได้จากการยกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้อยู่ภายใต้ความดูแลของพรรคสืบทอดอำนาจ ภายใต้การนำของธรรมนัสทั้งหมด เหมือนใจแลกใจ นั่นจึงทำให้ประเด็นพลังประชารัฐจะถูกเขี่ยทิ้งจากรัฐบาลจึงเป็นแค่ข่าวลือ ข่าวปล่อยทั่วไปเท่านั้นเอง อย่าลืมว่า เป้าหมายของเพื่อไทยและพรรคร่วมไม่ได้มีแค่สร้างผลงานให้ปรากฏ ทำคะแนนนิยมให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องร่วมมือกันเพื่อที่จะสกัดไม่ให้พรรครุ่นใหม่สุดโต่ง ได้มีโอกาสเข้ามากุมอำนาจบริหารด้วย

ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ เลือกตั้งครั้งหน้าสองพรรคใหญ่ต้องขับเคี่ยวกันหนักแน่ แต่ก่อนจะไปถึงเวลานั้น ต้องทำให้ทุกอย่างมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดภาพของผลการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ให้ฝ่ายตรงข้ามได้ สส.เกิน 250 เสียง เบื้องต้นที่จะเป็นด่านทดสอบสำคัญอยู่ที่ผลการพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลที่ใกล้จะถึงจุดชี้ขาด หากไม่รอด โอกาสที่จะถูกบอนไซก็มีสูง แม้จะได้รับคะแนนนิยมหรือความสงสาร ทำให้ชนะเลือกตั้งก็ไม่สามารถเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้

โจทย์ใหญ่ที่เพื่อไทยจะต้องเร่งดำเนินการให้สำเร็จ เพื่อการันตีว่าจะสามารถนำพาพรรคร่วมรัฐบาลเดินต่อกันไปได้แบบยาว ๆ นั่นก็คือ การเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ ความพยายามที่จะสกัดของฝ่ายตรงข้ามด้วยสารพัดวิธี ไม่ใช่ความห่วงกังวลเรื่องวินัยการเงินการคลัง หรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากแต่เป็นประเด็นของคะแนนนิยม รู้กันอยู่คนส่วนใหญ่ตั้งตารอเงินหมื่นบาทเติมเข้ากระเป๋า ถ้าทุกอย่างสำเร็จตามเป้าหมายที่ฝ่ายดำเนินการตั้งไว้ มันย่อมหมายถึงหายนะทางการเมืองของอีกฝั่งนั่นเอง

อรชุน

Back to top button