NEX แจงไม่แจ่มแจ้ง.!?

หลังจากฉงนงงงวยมาพักใหญ่ กับกรณีการแจ้งข้อมูลการขายหุ้น NEX ของ “คณิสสร์ ศรีวชิระประภา” ล่าช้าและไม่ตรงกับข้อมูลที่เคยเปิดเผยผ่านระบบ SETLink


หลังจากฉงนงงงวยมาพักใหญ่ กับกรณีการแจ้งข้อมูลการขายหุ้นบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ของ “คณิสสร์ ศรีวชิระประภา” หรือชื่อเดิม Lin Kenuo (หลิน เข่อนัว) ซึ่งเป็นทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่และซีอีโอ NEX ล่าช้าและไม่ตรงกับข้อมูลที่เคยเปิดเผยผ่านระบบ SETLink

เลยเป็นที่มาของคำสั่งก.ล.ต.ให้ NEX และหลิน เข่อนัว ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมภายในวันที่ 26 มิ.ย.นี้

ล่าสุด NEX ก็ได้ชี้แจงต่อตลาดฯ แล้ว มีเนื้อหาสาระสำคัญดังนี้ “ในช่วงเดือน เม.ย. 2565 หลิน เข่อนัว ได้เข้าทำสัญญากับบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง เพื่อการถือครองหลักทรัพย์ โดยเป็นแบบบัญชีมาร์จิ้น (Margin Account) ต่อมาในช่วงระยะเวลาตั้งแต่เดือน เม.ย. 2565-14 พ.ค. 2567 บริษัทหลักทรัพย์มีการ call margin แต่หลิน เข่อนัว ยังมีเงินสด หรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อเป็นหลักประกันอยู่

ถัดมาในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. 2567 ราคาหุ้นของบริษัทได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และในช่วงตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2567 บริษัทหลักทรัพย์มีการ call margin แต่เขาไม่สามารถวางเงินสดหรือหลักประกันเพิ่มเติมได้ จึงโดน Forced Sell หลายราคา และหลายช่วงเวลา”

ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2567 เวลาประมาณ 12.00 น. ฝ่ายบริหารของบริษัทได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทไม่มีพัฒนาการใด ๆ นอกเหนือจากที่ได้เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ในส่วนนี้มีคำอธิบายว่า “ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวบริษัทยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการใด ๆ ที่นอกเหนือไปจากการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัท และกรณีการขายหุ้นของหลิน เข่อนัว และภรรยา ก็มิใช่การดำเนินการใด ๆ ของบริษัทอันจะส่งผลให้บริษัทมีหน้าที่แจ้งพัฒนาการของบริษัทแต่อย่างใด

โดยคณะกรรมการบริษัทได้รับทราบจากข่าวที่ หลิน เข่อนัว เผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2567 ว่าเขาและภรรยาได้จำหน่ายหลักทรัพย์ของบริษัทออกไปจำนวนหนึ่ง อันมีสาเหตุมาจากการโดน Forced Sell”

ส่วนของการยื่นแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบ 59) ล่าช้านั้น “มีสาเหตุมาจากกรณีที่ หลิน เข่อนัว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นของบริษัทที่ยังมีการตกลงอย่างต่อเนื่อง และอาจส่งผลให้เกิดการโดน Forced Sell อีก ทำให้เขาและภรรยาจึงยังมิได้ยื่นแบบ 59 ต่อสำนักงานก.ล.ต.ตามที่กฎหมายกำหนด”

สำหรับประเด็นหุ้นคงเหลือของหลิน เข่อนัว และภรรยา ที่แตกต่างระหว่างแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบ 59) กับสารสนเทศที่บริษัทแจ้งผ่านระบบ SETLink นั้น ก็มีคำอธิบายว่า “ข้อมูลที่บริษัทได้เผยแพร่ในสารสนเทศที่บริษัทแจ้งผ่านระบบ SETLink เป็นข้อมูลจำนวนหุ้นคงเหลือของหลิน เข่อนัว และภรรยา ซึ่งเป็นข้อมูลจากการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันที่ 6 มิ.ย. 2567 มิใช่ข้อมูลจำนวนหุ้นคงเหลือของหลิน เข่อนัว ณ วันที่มีการเผยแพร่ข้อมูล (19 มิ.ย. 2567) ดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่ปรากฏจำนวนหุ้นคงเหลือจำนวน 10,000,000 หุ้น ในแบบ 59 นั้น เป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่เกิดขึ้นจากการที่หลิน เข่อนัว มีการขายหุ้นของบริษัทเพิ่มเติมหลังวันที่ 6 มิ.ย. 2567 ซึ่งผ่านจากวันที่มีการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทล่าสุดไปแล้ว”

นี่หยิบยกมาแค่บางประเด็นเท่านั้น ถ้าอยากอ่านคำชี้แจงฉบับเต็มก็ตามไปอ่านที่ SETLink ละกัน

แต่มีหนึ่งไฮไลต์ที่น่าตั้งข้อสังเกต…ช่วงเที่ยงของวันที่ 15 พ.ค. บอร์ด NEX ยังไม่รู้ว่า “หลิน เข่อนัว” และภรรยา ขายหุ้นออกมา โอเค…วันนั้นไม่รู้ พอเข้าใจได้…แต่วันถัดมา 16 พ.ค. บอร์ดก็รู้แล้วมิใช่เหรอว่า “หลิน เข่อนัว” และภรรยา ถูกบังคับขายหุ้น Forced Sell แล้วทำไม๊ทำไมถึงไม่แจ้งตลาดฯ ในวันนั้น หรืออย่างช้าแจ้งวันรุ่งขึ้นก็ยังดี…

แต่นี่ปล่อยให้เป็นปริศนา..ให้นักลงทุนคิดไปต่าง ๆ นานา ทิ้งช่วงเกือบ 1 เดือนเต็ม อย่างนี้ก็ได้เหรอ..?? บ่เข้าใจ๋จริง ๆ

เอาเป็นว่า สิ่งที่ NEX ชี้แจงมาจะเคลียร์คัตหรือเปล่า..?? อันนี้แล้วแต่จะคิด

แต่อ่านไปอ่านมา ดูเหมือนแจง…แต่ไม่แจ่มแจ้งสักเท่าใด..? เห็นด้วยป๊ะ..??

…อิ อิ อิ…

Back to top button