ช.การช่าง โดดเด่นในกลุ่มรับเหมาฯ

CK ยังถูกยกให้เป็น Top Pick ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพราะมีการมองว่าน่าจะมีข่าวดีเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากไทม์ไลน์การประมูลงานใหม่


เส้นทางนักลงทุน

บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ยังถูกยกให้เป็น Top Pick ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพราะมีการมองว่าน่าจะมีข่าวดีเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากไทม์ไลน์การประมูลงานใหม่เข้าเสริมพอร์ต

ผู้บริหาร CK ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 3.6-3.7 หมื่นล้านบาท ทรงตัวถึงบวกเล็กน้อยจากงวดปีก่อน ซึ่งยังไม่รวมงานใหม่ ขับเคลื่อนด้วยโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง, รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ และรถไฟทางคู่เด่นชัย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ระดับ 7-8% ดีขึ้นจาก 7% ในปี 2566 จากการรับรู้งานรถไฟฟ้าและงานของบริษัทลูกที่มาร์จิ้นสูง

แต่ด้วยศักยภาพแล้ว CK น่าจะเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ ๆ ได้รวม 4.95 แสนล้านบาท โดยเป้าหมายหลักของงานคือ 1.รถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท โดยบมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) น่าจะมีโอกาสเซ็นสัญญาได้ภายในปีนี้

นอกจากนี้ ยังมีงานทางด่วน Double Deck มูลค่างานก่อสร้าง 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งกทพ.อยู่ระหว่างเจรจากับ BEM น่าจะได้ข้อสรุปในครึ่งหลังของปี 2567

รวมทั้งงานรถไฟทางคู่อย่างน้อย 1 เส้นทาง ซึ่งโครงการที่มีรูปธรรม คือ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย มูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาท ที่น่าจะมีการขายซองในไตรมาส 2 นี้ ตลอดจนยังมีโอกาสจากงานภาครัฐที่มีความคืบหน้า อาทิ มอเตอร์เวย์, งานขยายสนามบินและรถไฟฟ้าสายสีแดง

CK ถูกยกให้เป็นบริษัทที่มีงานรับเหมาก่อสร้างในมือสูง โดยปัจจุบันมีตัวเลขอยู่ที่ 1.22 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงมีกระแสรายได้มั่นคงในอีก 3-4 ปีข้างหน้า

ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ออกมามีกำไรของ CK สร้างเซอร์ไพรส์ อยู่ที่ 121 ล้านบาท อ่อนลง 44% จากงวดเดียวกันของปี 2566 และหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าก็อ่อนลงถึง 23% หลัก ๆ เกิดจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก บมจ.ซี เค พาวเวอร์ (CKP) แต่ดีกว่าคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะขาดทุนจำนวนมาก

สาเหตุเพราะ CK มีการปรับข้อปฏิบัติทางบัญชีที่เกี่ยวกับการบันทึกผลประกอบการของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ซึ่งถือหุ้นอยู่ 20% ทำให้การับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนเพียง 15 ล้านบาท รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) และต้นทุนในการจัดหาเงินทุนต่าง ๆ ลดลง

มีมุมมองที่ดีต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปี 2567 ว่าจะออกมาดี เติบโตจากไตรมาสก่อน และน่าจะดีต่อเนื่องยาวไปถึงไตรมาส 3 ปีนี้ เนื่องจากการรับรู้เงินปันผลรับ บมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) 232 ล้านบาทต่อไตรมาส ซึ่ง CK ถือหุ้นอยู่ 19.4%

และการฟื้นตัวของเงินลงทุนผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือดีขึ้นทั้งในส่วนของ BEM, CKP ตามปัจจัยฤดูกาล รวมทั้งมีความคืบหน้างานก่อสร้างเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A และต้นทุนในการจัดหาเงินทุนต่าง ๆ ยังควบคุมให้ลดลงได้

ในส่วนของ BEM นั้น ผลจากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ให้ยืนตามศาลปกครองชั้นต้น โดยพิพากษายกฟ้องคดีพิพาทโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ประกอบด้วย คณะกรรมการคัดเลือก และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

ใช้ดุลพินิจกำหนดคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอเหมาะสมและความจำเป็นแห่งกรณีเพื่อประโยชน์ของรัฐ ไม่มีลักษณะเป็นการเอื้อประโยชน์เป็นการเฉพาะเจาะจงที่จะทำให้เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และไม่อาจถือได้ว่าเป็นการกีดกันไม่ให้ผู้ฟ้องคดีเข้าร่วมการคัดเลือกให้เอกชนร่วมลงทุน

ดังนั้น รฟม.จึงจะเตรียมลงนามสัญญากับผู้ชนะการประมูล โดยเสนอผลการเจรจาและร่างสัญญามายังกระทรวงคมนาคมก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป หากครม.เห็นชอบผลการประมูล ก็น่าจะมีการเร่งรัดลงนามสัญญาให้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า CK มีประเด็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามหากเกิดความล่าช้าจากการอนุมัติและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ ๆ การแก้ไขสัญญาต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนฎระเบียบต่าง ๆ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในระดับต่ำ และการปรับเพิ่มขึ้นของค่าแรงงาน

แม้จะมีการประเมินว่าประเด็นปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน จะกระทบไม่มาก เนื่องจากมีการจ้างผ่านผู้รับเหมาช่วง (Sub-contract) คิดเป็นสัดส่วน 50-60% ของต้นทุนรวม ซึ่งทำเป็นสัญญาล่วงหน้า

ส่วนการจ้างโดยตรง ซึ่งอยู่ที่ราว ๆ 10% ของต้นทุนรวม เป็นแรงงานมีฝีมือ และค่าจ้างมากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้ว รวมถึงยังมีการนำเครื่องจักรและเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น จึงเป็นความเสี่ยงที่ไม่น่ากังวล

หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนงาน CK มีข่าวดี มีงานใหม่ ๆ เข้ามาเสริมพอร์ตอย่างต่อเนื่อง จะมีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

Back to top button