SET ผันผวนในกรอบ ยังรอความชัดเจนคดีการเมือง

พัฒนาการของดัชนี PMI โลก InnovestX มองว่า ดัชนี Composite PMI ของสหรัฐฯ แข็งแกร่งแต่ยุโรปลดลงบ่งชี้ความเปราะบางของยุโรป จากปัจจัยทางการเมือง


พัฒนาการของดัชนี PMI โลก InnovestX มองว่า (1) ดัชนี Composite PMI ของสหรัฐฯ แข็งแกร่งแต่ยุโรปลดลงบ่งชี้ความเปราะบางของยุโรป จากปัจจัยทางการเมือง ขณะที่ในส่วนสหรัฐฯ ปัจจัยดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป (2) แรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลงทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ เป็นโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้น (3) ในกรณีญี่ปุ่น แรงกดดันเงินเฟ้อที่เริ่มเพิ่มขึ้นจากเงินเยนอ่อนค่า ทำให้ InnovestX คาดการณ์ว่า BoJ จะทำนโยบาย QT และขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. และ ส.ค. ตามลำดับ และ (4) PMI ของอินเดียที่ยังขยายตัวอย่างร้อนแรง บ่งชี้ถึงศักยภาพเศรษฐกิจอินเดียที่ยังแข็งแกร่ง

ค่าเงินบาทในปี 2567 InnovestX มองว่าบาทจะอ่อนค่าลงอีกสู่ 37.5 บาทต่อดอลลาร์ในไตรมาส 3 จากดอลลาร์ที่แข็งค่าจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่ง แต่เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณชะลอลง (ช่วงปลายไตรมาส 3) ดอลลาร์จะอ่อนค่าลง เนื่องจากตลาดเริ่มมองว่า Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยได้ ซึ่งจะทำให้บาทแข็งค่าขึ้นได้ในไตรมาส 4 ท่ามกลางดุลบัญชีเดินสะพัดไทยที่จะสมดุล (จากดุลการค้าที่ขาดดุลแต่ดุลบริการเกินดุล) ขณะที่ค่าเงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หลังจาก BOJ ทำ QT และขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 3 ท่ามกลางแนวโน้มดอลลาร์ที่จะเริ่มอ่อนค่าลง จะทำให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นในช่วงไตรมาส 4 

นอกจากนั้น InnovestX มองว่าค่าเงินหยวนมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงเล็กน้อยเพื่อช่วยเศรษฐกิจ (ปัจจุบันอ่อนลง 1.7% YTD) ซึ่งเยน/หยวนที่อ่อนจะเป็นแรงกดดันให้บาทยังอ่อนค่าลงต่อเนื่องในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ InnovestX มองว่า ความผันผวนของค่าเงินบาทจะเพิ่มขึ้นจากมุมมองของตลาดต่อทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ

ในส่วนของตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศซึ่งในวันที่ 3 ก.ค. ศาลรธน. จะมีการนัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล และวันที่ 10 ก.ค. ศาลรธน. จะมีการนัดพิจารณาคดียื่นวินิจฉัยคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ มิ.ย. จีน อียูและสหรัฐฯ ซึ่งคาดจะออกมาทรงตัวถึงขยายตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้

1.หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA, TOP, BEM, MINT, OSP, BBL, SCGP และ  AOT

2.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC, CPALL, BDMS, BBL และ BEM   

3.หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก KCE, SCGP, TU, MINT (ทั้งนี้ KCE, SCGP แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอ)

4.สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

สุกิจ อุดมศิริกุล

Back to top button