เละให้สุด..จะได้เริ่มใหม่ (เสียที)

ขนาดเดี๊ยนเป็นคนเฝ้าหน้ากระดานหุ้นยังรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับตลาดหุ้นไทย คนที่เป็นนักลงทุนแบบเต็มตัวจะไม่รู้ว่าแย่กว่าได้อย่างไร


ขนาดเดี๊ยนเป็นคนเฝ้าหน้ากระดานหุ้นยังรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับตลาดหุ้นไทย คนที่เป็นนักลงทุนแบบเต็มตัวจะไม่รู้ว่าแย่กว่าได้อย่างไร “โมนิก้า” เลยไม่อยากจะขออะไรมากไปกว่านี้ เพราะต้องการแค่ให้ขายกันสุดซอยเสียที ตลาดหุ้นไทยจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เดี๊ยนเลยมองว่า น่าจะถึงเวลา “เก็บคอ งอเข่า” เพื่อให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน เพราะตลาดหุ้นไทยคงอยู่ในอาการเดี้ยงแบบนี้ไปอีกระยะเจ้าค่ะ

ถึงกระนั้นต้องยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า ทุกครั้งที่นักลงทุนดูหมดหวังกับตลาดหุ้นไทย มักมีเรื่องที่เข้ามาจุดความหวังเป็นประจำ ซึ่งทำให้นักลงทุนและตัวอีฉันเกิดอาการระริกระรี้ทุกที! แต่เมื่อผ่านมาสักระยะหนึ่ง ก็จะรู้สึกตัวอีกครั้งว่า โดนเขาหลอกอีกแล้ว! “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ น่าจะเป็นหนังม้วนเก่าที่นำมาฉายซ้ำ และชอบลงเอยด้วยคราบน้ำตาน่ะซี

ต้นสัปดาห์ใหม่เลยต้องถามว่า การทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,300.96 จุด ลบไป 8.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย5.45 หมื่นล้านบาท มีโอกาสซ้ำรอยกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ดัชนีลงไปถึง 1,281.87 จุดหรือเปล่า? มันกลายเป็นประเด็นที่ทำให้หลายคนเริ่มฉุกคิดมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน และดูเหมือนความคิดของนักลงทุนเที่ยวนี้จะโน้มเอียงไปในทางลบเป็นส่วนใหญ่ เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า เที่ยวนี้จะมีอะไรดีกว่าเที่ยวก่อนพะย่ะค่ะ

ตัวอย่างที่ดีสุดในเที่ยวนี้ก็คือ EA หลังโดนขายแบบหฤโหดตลอดทั้งวัน จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 11.20 บาท ลบไป 3.80 บาท หรือลงไป 25.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.61 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนตะลึงไปตามกัน และยังเฝ้าดูสถานการณ์จะคลี่คลายเมื่อไหร่? เพราะวันนี้มีหลายประเด็นที่กำลังฝุ่นตลบ จึงต้องรอให้ฝุ่นจางไปเสียก่อนนะจ๊ะ

ส่วนตัวที่เป็นจุดเริ่มต้นของข่าวลือสารพัด คงต้องมองไปที่หุ้นเสียทรงอย่าง NEX เป็นรายถัดมา เพราะหลังจากพยายามเคลียร์ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นต่าง ๆ นานา ราคาหุ้นดูเหมือนจะเริ่มดีขึ้น แต่ก็ดีได้แค่ระยะสั้น ๆ ก่อนจะลงเอยด้วยการถูกขายออกมาเป็นระยะ จนล่าสุดหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 1.68 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 9.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 521 ล้านบาทแบบนี้..หุ้นซมอีกนานแน่ ๆ ค่ะ

ขนาดในรายของ AOT ไม่ได้มีอะไรที่แย่ไปกว่าก่อนหน้านี้ และมีพัฒนาการหลายอย่างที่น่าสนใจ แต่ก็ถูกเทขายแบบไม่มีเยื่อใย จนตัวเองลงมานอนอยู่ที่ระดับ 57.75 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.82 พันล้านบาท ก็เป็นช็อตที่เดี๊ยนมองไม่ออกเหมือนกันว่า เกิดอะไรขึ้น? เลยแอบสงสัยว่า ฝรั่งเห็นความผิดปกติอะไรบางอย่างเหรอ? จึงขายไม่เลิกเสียที!

สำหรับรายที่ราคาหุ้นอยู่ในอาการ เดี๋ยวดี เดี๋ยวแย่ โดยภาพใหญ่ยังอ่อนตัวลงเป็นหลัก “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SCB เพื่อชี้ให้เห็นโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้นเป็นไปค่อนข้างยาก และเที่ยวนี้มีสิทธิ์หลุด 100 บาท ค่อนข้างสูง เพราะบรรดานักวิเคราะห์ต่างหั่นเป้ากันเป็นแถว อันเป็นผลมาจากความกังวลที่มีต่อ “สินเชื่อ” กับ “หนี้เสีย” จึงกลายเป็นหุ้นที่ทำได้แค่มองห่าง ๆ เพื่อรอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางไงล่ะคะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นซอสปรุงรส XO หลังราคาหุ้นอ่อนตัวลงในลักษณะไซด์เวย์ ทั้งที่ผลงานของบริษัทน่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เดี๊ยนเลยสงสัยว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 28 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 118 ล้านบาท อาจเป็นสัญญาณเตือนให้นักเล่นได้รู้ว่า การลงมาปิดโลว์ของวัน มันมีโอกาสที่หุ้นจะลงต่อค่อนข้างสูงจ้า!

อีกรายที่ยับเยินจนบอกไม่ถูก “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BBIK ซึ่งเคยขึ้นชื่อเป็นดาวดังของกลุ่มเทคในช่วงที่เข้าตลาดหุ้นเมื่อปี 64 และมาเจิดจรัสในช่วงปลายปี 65 หลังราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปทำไฮที่ระดับ 78 บาท แต่วันนี้ราคาหุ้นกลับลงมายืนปิดที่ระดับ 27.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35 ล้านบาท พร้อมกับแสดงอาการจะลงต่อแบบนี้..ห่างได้ ก็ควรห่างนะคะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button