พาราสาวะถี
ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีอย่างไม่เป็นทางการ ชาญ พวงเพ็ชร์ จากเพื่อไทย เบียดเอาชนะ พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ไปแบบใจหายใจคว่ำ
ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีอย่างไม่เป็นทางการ ชาญ พวงเพ็ชร์ จากเพื่อไทย เบียดเอาชนะ พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ไปแบบใจหายใจคว่ำด้วยเสียงทิ้งห่างเพียง 1,820 คะแนน และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีบัตรที่กาไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใครหรือโหวตโนมากถึง 32,885 ใบ นั่นหมายความว่า เสียงส่วนนี้เป็นผู้ที่แสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในภาพใหญ่ชัดเจนว่า น่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องการผู้สมัครจากพรรคก้าวไกลนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ตราบที่ กกต.ยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ทุกอย่างก็ยังไม่การันตีว่าจะเป็นไปตามนี้ ขณะเดียวกัน ก็มีการชี้ชวนให้มองถึงบทสรุปที่จะออกมาว่า ถ้าชาญได้รับการรับรอง จะหมายถึงอนาคตคดีความของ เศรษฐา ทวีสิน น่าจะไม่มีปัญหาตามไปด้วย รวมไปถึงสถานะการเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลของเพื่อไทยด้วยเช่นกัน ดูเหมือนเป็นคนละเรื่องเดียวกัน นั่นเป็นเพราะเวลานี้เริ่มมีการปั่นกระแสใหม่ฝ่ายอนุรักษนิยมสุดโต่งกำลังคิดจะพลิกขั้วทางการเมืองอีกรอบ
แต่ความเป็นไปได้ต้องยอมรับว่า “ยาก” ด้วยเหตุผลที่ว่า การจะเขี่ยเพื่อไทยไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน แล้วดึงเอาก้าวไกลมาเป็นแกนนำรัฐบาล ทว่าคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีกลับไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคสีส้ม ถามว่าพรรคที่ยืนยัน ยึดมั่นในหลักการจะยอมรับเงื่อนไขแบบนี้หรือ นั่นประการหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือ อำนาจที่ทรงพลัง จะไว้วางใจให้พรรคการเมืองที่มีแนวคิดสุดโต่ง ต้องการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เข้ามากุมอำนาจบริหารประเทศอย่างนั้นหรือ
ถือเป็นความพยายามอีกเฮือกของฝ่ายเสี้ยม ที่ทำทุกทางเพื่อหวังจะเตะตัดขาเศรษฐา และเขี่ย ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นไปจากเส้นทางของการบริหารอำนาจในปัจจุบัน ยังคงไม่ลดละความพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายในความต้องการเป็นใหญ่ของคนบางคน คำถามที่เกิดขึ้นหลังจากมีข่าวในลักษณะเช่นนี้ก็คือ แล้วคนที่จะก้าวมาเป็นนายกฯ โดยไม่ใช่แคนดิเดตจากพรรคก้าวไกล แล้วไม่ใช่ที่มีอยากจะเป็นนั้น มันจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องเสถียรภาพหลังขึ้นสู่อำนาจอย่างนั้นหรือ
โดยที่บริบททางการเมืองปัจจุบันของคนที่ถูกมองว่าจะเป็นตาอยู่มาคว้าพุงปลาไปกินนั้น สถานะทางการเมืองถือว่าได้เปรียบในพลังต่อรอง ไม่ต้องดิ้นรนให้เจ็บตัว ความระหองระแหงภายในพรรคร่วมรัฐบาลถือเป็นเรื่องปกติ ยังอยู่ในวิสัยที่สามารถพูดคุยกันได้ การแบ่งโซนเพื่อดูแลผลประโยชน์ทั้งทางการเมืองและการสะสมกระสุนก็ถือว่าวิน-วินทุกฝ่าย จึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องเอาตัวและพรรคที่ดูแลเข้าไปเสี่ยง ประเมินอนาคตหลังเลือกตั้งครั้งหน้าเข้าทำนองได้ไม่คุ้มเสีย
ทั้งนี้ ผลจากการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี พอพิจารณาคะแนนอย่างละเอียดระหว่างผู้ชนะเลือกตั้งกับคนที่มาเป็นที่สอง ถือเป็นโจทย์การเมืองสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ที่เพื่อไทยจะได้ใช้เป็นโอกาสในการสร้างคะแนนนิยม เพราะผลเลือกตั้ง สส.ครั้งที่ผ่านมา เพื่อไทยได้ สส.เพียงแค่เขตเดียวจากทั้งหมด 7 เขต โดยที่เหลือ 6 คนเป็นของพรรคก้าวไกล ซึ่งการตัดสินใจไขก๊อกจากเก้าอี้ของบิ๊กแจ๊สก็หวังว่าจะกุมความได้เปรียบทางการเมือง เนื่องจากมองว่าทางพรรคการเมืองคู่แข่งไม่น่าจะเตรียมตัวผู้สมัครได้ทัน โดยที่ตัวเองแม้จะไม่ได้สังกัดเพื่อไทย แต่ก็ยังมีภูมิใจไทยที่ให้การสนับสนุนกันอย่างไม่เปิดเผยอยู่
ได้ผลในแง่ที่ก้าวไกลไม่ได้ส่งคนลงชิงเก้าอี้ด้วยเหตุผลดังว่า ขณะที่พรรคแกนนำรัฐบาลเลือกใช้บริการลุงชาญอดีตนายก อบจ.ปทุมธานี 3 สมัย ก็เท่ากับเป็นการเลือกคนที่มีฐานเสียง หัวคะแนน และมีความพร้อมมากที่สุดในพื้นที่แล้ว จาก 7 อำเภอผู้สมัครของเพื่อไทยเก็บชัยชนะได้ 4 บิ๊กแจ๊สคว้ามา 3 อำเภอ อำเภอที่ชนะกันขาดเป็นพื้นที่ฐานเสียงสำคัญของทั้งคู่นั่นก็คือ อำเภอสามโคกถิ่นของชาญ และ ลำลูกกาฐานที่มั่นของบิ๊กแจ๊ส
เมื่อรวมคะแนนฝั่งผู้แพ้บวกกับเสียงโหวตโน ก็มีโอกาสว่าเมื่อถึงคราวเลือกตั้ง สส. เสียงเหล่านี้น่าจะยังเป็นเสียงของผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลต่อไป ถ้าไม่ใช่ก็หมายความว่าส่วนหนึ่งจะเลือกผู้สมัครจากพรรคอื่นที่ไม่ใช่ทั้งเพื่อไทยและก้าวไกล ส่วนเพื่อไทยหนนี้ถือว่าได้กำไร และทำให้สันนิษฐานได้ว่าการกลับมาของทักษิณ ช่วยทำให้คะแนนนิยมดีขึ้นมาอาจจะถล่มทลายเหมือนในอดีต อย่างน้อยก็พอให้เห็นความหวังว่า เลือกตั้งเที่ยวหน้าจะสามารถเบียดแย่งเก้าอี้กับคู่แข่งได้สนุกและได้ลุ้นกันยาว ๆ แน่นอน
เห็นการทุ่มสรรพกำลังเพื่อการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีหนนี้ คงไม่ต่างจากที่ทักษิณเคยประกาศในวันที่ไปร่วมยินดีเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของ สมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรีเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ประกาศจะทวงคืนเก้าอี้ สส.นนทบุรีกลับคืนมาทั้งจังหวัด เมื่อวางเป้าหมายไว้แบบนี้ นั่นย่อมหมายความว่า กระแสข่าวที่พยายามจะปั่นเพื่อให้เห็นว่าดีลพิเศษที่มีมาต่อเนื่องนั้นไปต่อไม่ได้ ไม่น่าจะเป็นความจริง
เป็นที่รู้กัน ต่อให้ทักษิณจะสร้างความหมั่นไส้ หรือขยับเดินเกมอะไรทางการเมืองที่ดูเหมือนจะเกินกว่าที่คุยกันไว้ไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยกับอำนาจที่ถูกสั่นคลอน ในทางตรงข้าม หากปล่อยให้ฝ่ายที่ท้าทายได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจ ย่อมจะเป็นปัญหาใหญ่ การใช้บริการนายใหญ่และเพื่อไทยจึงถือเป็นการตอบโจทย์ที่ต้องรับมือนับแต่ก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมต่างก็เห็นพ้อง เพราะมองเห็นความง่ายในการต่อรองและร่วมกันทำงาน
จะมีบางพรรคที่ตกสำรวจก็ด้วยเหตุผลของการทำตัวไม่น่าไว้วางใจ ปัจจัยสำคัญคงอยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาลอันดับสองอย่างภูมิใจไทย ไม่ต้องการที่จะให้พรรคฝ่ายค้านบางพรรคในปัจจุบันได้เกาะขบวนแห่งอำนาจ เนื่องจากทำการเมืองแบบไว้ใจไม่ได้ มุ่งแต่เอาดีเข้าตัวถึงเวลาที่จะต้องช่วยเพื่อนตามที่สัญญากลับเหยียบหัวเพื่อหวังเรียกคะแนนให้พรรคตัวเอง อย่างไรก็ตาม ภาวะลุ้นทางการเมืองว่าด้วยคดีที่คาศาลรัฐธรรมนูญกลับมาอยู่ในกระแสอีกรอบ คาดหมายว่าสัปดาห์ที่สองไม่เกิน 10 กรกฎาคม อาจจะรู้ผลทั้งชะตากรรมเศรษฐาและปมยุบพรรคก้าวไกล
อรชุน