เรื่องร้อนเริ่มคลี่คลาย

ประเด็นของตลาดหุ้นไทยคงไม่มีอะไรต้องตื่นตระหนกอีกต่อไป เพราะแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาเคลียร์ปัญหาของตัวเองไปทีละเปลาะ


ประเด็นของตลาดหุ้นไทยคงไม่มีอะไรต้องตื่นตระหนกอีกต่อไป เพราะแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาเคลียร์ปัญหาของตัวเองไปทีละเปลาะ จนสถานการณ์ของหุ้นรายตัวเริ่มดีขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกันจะเห็นว่า นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มทำใจยอมรับกับสภาพตลาดหุ้นไทยที่ยังอยู่ในอาการเมาหมัด ส่งผลให้นักลงทุนบางกลุ่มหันมาใช้วิธีชะลอลงทุน เพราะไม่อยากเจ็บตัวไปมากกว่านี้น่ะซี

วันนี้จึงต้องประเมินการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,299.35 จุด ลบไป 1.61 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.97 หมื่นล้านบาท มันเป็นผลมาจากโรบอทโจมตีตลาดหุ้นไทย และกินรายย่อยเรียบทุกตำบลหรือไม่? รวมทั้งมาตรการสกัดการชอร์ตเซลสัมฤทธิ์ผลขนาดไหน? คุณ ๆ ท่าน ๆ ก็คงเห็นเต็มสองลูกตา “โมนิก้า” ไม่จำเป็นต้องสาธยายรายละเอียดให้ฟังยืดยาว เพราะมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง มันบอกให้รู้ด้วยตัวมันเองว่า ไม่มีใครอยากเล่นเจ้าค่ะ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องกลับมานั่งทบทวนมาตรการเรียกความเชื่อของ ก.คลัง-ก.ล.ต.-ตลท. ที่ทยอยออกมายังมีมนต์ขลังไหม? และคำตอบที่เดี๊ยนสรุปด้วยตัวเองก็คือ ยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง และต้องใช้เวลาในการทำให้เป็นรูปธรรม โดยสิ่งหนึ่งที่ยังทำให้พออุ่นใจได้บ้างก็คือ ดัชนีไม่ทรุดลงฮวบฮาบเหมือนก่อนหน้านี้ และยังไม่มีโลว์ใหม่ให้เห็นก็เท่านั้นเองจ้า

เหมือนกับการที่ “สมโภชน์” ออกมาแถลงแนวทางแก้ปัญหา และยอมรับเรื่องผู้บริหารถูกฟอร์ซเซล พร้อมกับย้ำชัดว่า ปัญหาเชิงเทคนิคไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกแล้ว จึงมีแรงซื้อกลับมาที่หุ้น EA ตั้งแต่เปิดตลาด ก่อนจะยืนปิดไปที่ระดับ 12.60 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 12.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.96 พันล้านบาท และถ้ามองจากกำไรต่อหุ้นไตรมาส 1 ที่อยู่ 0.24 บาทเป็นที่ตั้ง ทั้งปีก็น่าจะทำได้ราว 1 บาท..ราคาหุ้นควรจะเป็นเท่าไหร่? ลองไปคิดกันดูนะคะ

ส่วนในรายของหุ้นขายคอมพ์ขายมือถือ COM7 ที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ก็เป็นผลมาจากการแก้เกมหุ้นตกหนักด้วยวิธีซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 40 ล้านหุ้น ด้วยวงเงิน 800 ล้านบาท ซึ่งเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค. 67 ก็เหมือนเป็นการย้ำให้เห็นว่า ราคาหุ้นจะไม่ต่ำกว่านี้อีกแล้ว นักเล่นเลยตอบสนองข่าวนี้ด้วยการไล่ซื้อหุ้นอีกวัน ราคาหุ้นเลยขึ้นมาปิดที่ 19 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 601 ล้านบาทไงล่ะคะ

สำหรับในรายของ SABUY ก็ใช้วิธีแก้ปัญหาชีวิตด้วยเครื่องมือสวอปหุ้นแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นการแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวัน ๆ ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่พอจะทำได้ในเวลานี้ แต่ที่สังคมกังขาก็คือ “เฮียชัช” กลายเป็นคนที่ลอยตัวเหนือปัญหา เพราะได้วอร์แรนต์ฟรี ๆ เข้ากระเป๋าเหนาะ ๆ แถมไม่มีข้อผูกมัดต้องใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้น เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 0.81 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 275 ล้านบาทมาจากความมั่นใจเรื่องไหน?..อิอิอิ

อีกรายที่ดูเหมือนจะดีขึ้น เพราะปัญหาฟอร์ซเซลเริ่มคลี่คลาย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น NRF เป็นรายถัดมา เพราะการขยับก้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.95 บาท บวกไป 0.11 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103 ล้านบาท น่าจะเป็นการส่งสัญญาณว่า ราคาหุ้นพยายามตั้งลำรอบใหม่ และถ้ามองจากผลงานที่ดีกว่าปีก่อนเป็นประเด็นสำคัญ เดี๊ยนเลยเชื่อว่า ราคาหุ้นบริเวณนี้เป็นเซฟโซนนะออเจ้า

ส่วนรายที่ต้องเฝ้าระวังมากเป็นพิเศษ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น MALEE เพื่อชี้ให้เห็นการโดนสาดโครมเดียวลงมาปิดที่ระดับ 11.70 บาท ลบไป 1.90 บาท หรือลงไป 14% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 218 ล้านบาท พร้อมกับมีการเปิดประเด็นราคาน้ำตาลขึ้น 30% แบบนี้..น่าจะส่งผลต่อการดำเนินงานไม่มากก็น้อย! และเรื่องนี้ควรให้บริษัทออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยตนเอง หลังนักลงทุนมีความกังวลต่อประเด็นดังกล่าวมากเหลือเกินค่ะ

ตบท้ายกันที่หุ้น SBNEXT หลังบรรดาขาเผือกเม้าท์ถึงการนำเงินกู้ไปลงทุนซื้อหุ้น SABUY หน้าตาเฉย และยังเอาเงินกู้บางส่วนไปค้ำประกันให้อีกต่างหากแบบนี้ มันเป็นเกมที่โหดเกินไปสำหรับธุรกิจที่ยังกระท่อนกระแท่น และเรื่องนี้ก็ทำให้ ตลท. ต้องออกโรงมาไล่บี้บริษัทให้แก้ปัญหาดังกล่าวในเร็ววัน เดี๊ยนเลยงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 0.41 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือขึ้นไป 28% ด้วยมูลค่า 13 ล้านบาทเจ้าค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button