ขึ้นเท่าไหร่..ลงเท่านั้น โมนิก้าและทีมงาน

* ข้อมูลการลงทุนชุดหนึ่งที่ทุกคนรับรู้กันเป็นอย่างดีก็คือ นักลงทุนสถาบันเป็นตัวการที่ทำให้ดัชนี “ขึ้นแรง ลงแรง” โดยอาศัยตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นตัวชี้นำว่า วันนี้ควรขาย หรือวันนี้ควรซื้อ ส่งผลให้ภาพการเคลื่อนตัวของดัชนีนับตั้งแต่ต้นปี ผันผวนในทิศทางขาลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เดี๊ยนยังคงยืนกรานให้แมงเม่าปีกแข็งเน้นหนักไปที่เรื่อง “เล็กสั้น ขยันซอย” พะยะค่ะ


* ข้อมูลการลงทุนชุดหนึ่งที่ทุกคนรับรู้กันเป็นอย่างดีก็คือ นักลงทุนสถาบันเป็นตัวการที่ทำให้ดัชนี “ขึ้นแรง ลงแรง” โดยอาศัยตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นตัวชี้นำว่า วันนี้ควรขาย หรือวันนี้ควรซื้อ ส่งผลให้ภาพการเคลื่อนตัวของดัชนีนับตั้งแต่ต้นปี ผันผวนในทิศทางขาลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เดี๊ยนยังคงยืนกรานให้แมงเม่าปีกแข็งเน้นหนักไปที่เรื่อง “เล็กสั้น ขยันซอย” พะยะค่ะ

* เนื่องจากข้อมูลที่ปรากฏให้เห็นมันฟ้องว่า หากออกของไม่ทันนักลงทุนสถาบันคงต้องรออีกหลายวันเลยทีเดียว “โมนิก้า” ถึงถามว่า การอ่อนตัวของดัชนีวานนี้ลงมาปิดที่ 1,248.98 จุด ลบไป 17.03 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.25 หมื่นล้านบาท ขณะที่ก่อนหน้านี้หนึ่งวันดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,266.01 จุด บวกไป 20.96 จุด ด้วยมูลค่า 4.54 หมื่นล้านบาท มันคือเกมโหดของพวกนักลงทุนสถาบันใช่ไหม?

* งานนี้เดี๊ยนไม่ได้มีเจตนาปรักปรำ หรือให้ร้ายนักลงทุนสถาบัน เพราะข้อมูลทั้งหมดที่หยิบยกมาบรรยายให้ฟังในคราวนี้ มันเป็นการฉายมุกเดิมๆ ที่ถูกนำเล่นหลายครั้ง ซึ่งบางวันก็มีคำอธิบายออกมาพร้อมกันว่า ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว จึงไล่ซื้อหุ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย พอคล้อยหลังแค่วันเดียว ก็มีคำอธิบายออกมาใหม่ว่า รู้สึกกังวลกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว..สุดท้ายเลยไม่รู้ว่า มั่นใจ หรือ ไม่มั่นใจ เจ้าค่ะ

* เหมือนกับท่าทีของผู้บริหาร บลจ. ชั้นนำของประเทศไทย 3 แห่ง ซึ่งชิงประกาศตัวอย่างเป็นทางการว่า เตรียมตัดหางปล่อยวัด CPALL  โดยเฉพาะ บลจ.กรุงศรี ภายใต้การควบคุมดูแลของ “เจ๊สุภาพร” ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า ไม่เอาหุ้นที่ไม่มีธรรมาภิบาล! ส่วนอีก 2 แห่งคือ บลจ.ทิสโก้ กับ บลจ.วรรณ ก็ออกมาในแนวไม่ร่วมสังฆกรรมอะไรด้วยอีกแล้ว “โมนิก้า” ถึงมองว่า เรื่องนี้เป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องติดตามดูกันให้ดีๆ ขนาดโต้โผใหญ่อย่าง “เจ๊ตู่” ยังชี้แจงข้อสงสัยของสังคมไม่เคลียร์แบบนี้..เรื่องราวชักไปกันใหญ่แล้วนะคะ

* เช่นเดียวกับในรายของ CHG มีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้บริหารขายหุ้นออกมาเป็นระลอกนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่มองได้ทั้งด้านบวกและด้านลบ  “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองภาพการลงทุนในหุ้นตัวนี้ว่าเป็นแบบไหน? หากมองสั้นๆ น่าจะรอให้หุ้นเด้งขึ้นแล้วค่อยตามน้ำดีกว่า หากมองยาวๆ น่าจะทยอยเก็บเข้าพอร์ตบางส่วน..สำหรับข้อสงสัยที่ว่า ผู้บริหารจะเทขายหุ้นออกมาอีกไหม? ตอบแทนได้ทันทีว่า ขายได้อีกเยอะ! เพราะถือหุ้นมากถึง 1 พันล้านหุ้น ขณะที่ยอดขายเมื่อวันก่อนมีแค่ 10 ล้านหุ้น..วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมาปิดที่ 2.48 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 6% ไงล่ะค่ะ

* หลังจากเม้าท์ถึงเรื่องแย่ๆ มาเยอะพอสมควร “โมนิก้า” ขอหันมาดูเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นกับ ADVANC บ้างดีกว่า เพราะเป็นหุ้นที่ฟื้นคืนสภาพได้เร็วที่สุดตัวหนึ่ง จากช่วงต้นปีลงไปทำ low ที่บริเวณ 128 บาท ล่าสุดวานนี้บวกสวนกระแสตลาดขาลงได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะปิดที่ระดับ 157.50 บาท บวกไป 3.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.20 พันล้านบาท จึงกลายเป็นหุ้นที่น่าสนใจสุดๆ ตัวหนึ่งนะคะ

* เช่นเดียวกับในรายของ GUNKUL หากนักเล่นอ่านแพทเทิร์นของหุ้นเป็นแบบ w-shape ได้ก่อนใครเพื่อน วันนี้คงนั่งตีขิมอย่างสบายใจ เพราะวงรอบของหุ้นในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ยังคงวนเวียนไปมาในกรอบ 19-25 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดหุ้นปิดที่ระดับ 24.20 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 675 ล้านบาท  “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่ออกได้ทั้งบวกทั้งลบ วันนี้ถึงขึ้นอยู่กับนักเล่นว่าจะเฮโลไปด้านไหน?..อิอิอิ

* ส่วนที่ชัดเจน และแน่นอนสุดๆ  “โมนิก้า” ขอแนะนำให้พุ่งเป้าไปที่ ASEFA ดาวเด่นที่มาแบบเรื่อยๆ ไม่กระโตกกระตาก แถมในระหว่างทางมีการทดสอบแรงเทขายเป็นระยะ จนทำให้ฐานแนวรับตั้งแต่ 4.50 บาทแน่นขึ้นเยอะ ต่อจากนั้นก็ยกฐานขึ้นมาอยู่ที่ 5.50 บาทอีกพักใหญ่ๆ จนในที่สุดก็พุ่งทะยานขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 6.25 บาท บวกไป 0.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น..มันเป็นจังหวะที่ต้องตามน้ำในทันทีนะจะบอกให้

* เหมือนกับในรายของ TACC พอทุกคนรู้ว่า หุ้นตัวนี้มีดีอย่างไร? และผู้บริหารหนุ่มไฟแรงเฟร่อ! กำลังปั้นโปรเจ็กต์มูลค่ามหาศาลแบบเงียบๆ จึงเห็นพวกนกรู้ที่อ่านเกมขาดเข้ามาเก็บหุ้นอย่างหนักหน่วง จนหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 6.10 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่า 116 ล้านบาท  “โมนิก้า” คงบอกได้แค่ว่า งานดี..มีคุณภาพ..อีกแล้วค่ะท่าน ถ้าอยากรู้รายละเอียดให้ถาม “เฮียแกะ” เองดีกว่านะตัวเอง..เดี๋ยวจะหาว่า เดี๊ยนเผือกมากเกินงามเจ้าค่ะ

* ส่วนอีกหนึ่งรายที่น่าตามกระแสมากๆ  “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ HFT ซึ่งมีลักษณะเป็นหุ้น growth ผสม dividend ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หุ้นพยายามยกตัวเพื่อขึ้นไปสร้างฐานแนวรับใหม่ที่สูงขึ้นตลอดเวลา แม้ในบางจังหวะจะโดนเทขายอย่างหนักหน่วงจนไปไม่เป็นขบวน แต่สุดท้ายก็พยายามขึ้นไปทดสอบ high เดิม ที่ระดับ 6.20 บาทถึง 3 ครั้งด้วยกัน ขณะที่ราคาล่าสุดหุ้นปิดที่ 5.75 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ยังเป็นจังหวะที่พอจะเล่นได้ไหม?..ลองไปคิดกันดูนะคะ

Back to top button