SAMART (กรรม) เอเชียนเกมส์.!
คาราคาซังมาเกือบ 3 ทศวรรษ กับกรณีข้อพิพาทระหว่าง SAMART กับคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 (BAGOC) และการกีฬาแห่งประเทศไทย
คาราคาซังมาเกือบ 3 ทศวรรษ กับกรณีข้อพิพาทระหว่างบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART กับคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 (BAGOC) และการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งกลายเป็นวิบากกรรมที่ติดตัว SAMART มายาวนาน…
ล่าสุดสแกนกรรมชัดเจนแล้ว เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ SAMART ชำระเงินให้แก่ BAGOC และการกีฬาแห่งประเทศไทย ตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตลาการ เป็นเงินจำนวน 331.79 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยของเงินต้น 190 ล้านบาท ในอัตรา 15% ต่อปี นับจากวันเสนอข้อพิพาท (วันที่ 21 ต.ค. 2553) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำนวณภาระหนี้ถึงวันที่ 15 พ.ค. 2567 (เป็นวันอ่านคำพิพากษา) บริษัทจะต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 718.69 ล้านบาท
เบื้องต้นในส่วนของเงินต้น 190 ล้านบาท SAMART ได้ชำระคืนหนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ส่วนดอกเบี้ยจำนวน 528.69 ล้านบาท แบ่งจ่ายไปแล้ว 40 ล้านบาท ที่เหลืออยู่ระหว่างการเจรจาขอผ่อนผันจ่ายเป็นงวดรายปีให้ครบถ้วนภายใน 7 ปี…ก็ว่ากันไป
แต่ด้วย SAMART แก้กรรมไปแล้วส่วนหนึ่ง โดยในไตรมาส 1/2567 ได้ตั้งสำรองฯ ไป 438.47 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 2/2567 นี้เตรียมจะตั้งสำรองฯ อีกก้อน 280 ล้านบาท…
เท่ากับว่า SAMART ยอมเจ็บเพื่อจบ ภายในไตรมาส 2/2567 นี่แหละ..!!
ก็จะทำให้ Overhang ของหุ้น SAMART หายไป…ส่วนผลกระทบจะลากยาวไปถึงไหน..?? อันนี้ตอบยาก
ที่แน่ ๆ ในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 กรรมจะเห็นภาพชัด นั่นหมายความว่า งบในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 นี้ จะไม่ดีแน่นอน เพราะมีตัวเลขการตั้งสำรองหนี้เป็นตัวกดดัน…ทำให้แม้ผลงานในครึ่งปีหลังจะดีเด่ยังไง แต่จะถูกหักล้างด้วยผลงานในครึ่งปีแรก ก็จะทำให้งบทั้งปี 2567 น่าจะไม่ดีนัก…
ส่วนจะถึงขั้นติดลบหรือเปล่า..?? ต้องติดตามกันต่อไป
ฟากนักลงทุนที่ยังรักใคร่ชอบพอหุ้น SAMART ก็จะได้เดินหน้าใส่เกียร์ลุยได้เต็มสตรีม..!?
ขณะที่ บ่วงกรรมนี้มีสารตั้งต้นมาจากในปี 2540 ตอนนั้นประเทศไทยกำลังเห่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 6 ธ.ค. ถึง 20 ธ.ค. 2541 ซึ่ง SAMART ก็ได้เข้าไปร่วมให้การสนับสนุนด้านการเงินและการติดตั้งระบบเครือข่ายโทรคมนาคม โดยในส่วนของการสนับสนุนด้านการเงินยังมีส่วนค้างชำระอยู่ 190 ล้านบาท
แล้วถ้าจำกันได้ในปี 2540 ประเทศไทยเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งพอดิบพอดี และทำให้เศรษฐกิจซบเซามายาวนานหลายปี แน่นอนว่า SAMART ก็ได้รับผลกระทบดังกล่าว ประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก เลยขอยกเลิกข้อตกลงการให้การสนับสนุนด้านการเงิน แต่ BAGOC ไม่ยินยอม ในปี 2541 จึงได้มีการทำสัญญาเรื่องการชำระเงินและเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติม และเรื่องก็เงียบหายไป
กระทั่งในปี 2553 BAGOC และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้ยื่นฟ้องข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการได้ชี้ขาดเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2556 ว่าคดีขาดอายุความ แต่ต่อมา BAGOC และการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ไปยื่นเรื่องทั้งต่อศาลและต่อคณะอนุญาโตตุลาการเพื่อขอต่อสู้คดี และเป็นที่มาของคำพิพากษาของศาลฎีกาให้ SAMART ชำระเงินก้อนโตดังกล่าว
เอาหน่า…ถือเป็นการตัดบ่วงกรรมเอเชียนเกมส์ที่ลากยาวมาเกือบ 3 ทศวรรษเสียที..!!
และน่าจะเป็นบทเรียนที่แพงแสนแพงสำหรับ SAMART นะเนี่ย…
…อิ อิ อิ…