ตลาดหุ้นพัง?
ในที่สุดตลาดหุ้นไทยก็เละเทะกว่าที่เดี๊ยนประเมินไว้ เพราะทันทีที่เปิดเทรด ก็มีแรงขายสาดใส่ไม่ยั้ง จนดัชนีทรุดลงไปกองอยู่ที่ 1,286.83 จุด
ในที่สุดตลาดหุ้นไทยก็เละเทะกว่าที่เดี๊ยนประเมินไว้ เพราะทันทีที่เปิดเทรด ก็มีแรงขายสาดใส่ไม่ยั้ง จนดัชนีทรุดลงไปกองอยู่ที่ 1,286.83 จุด ก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงดัชนีเป็นระยะ พร้อมกับปิดตลาดไปที่ระดับ 1,288.58 จุด ลบไป 10.77 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.82 หมื่นล้านบาท อาจเป็นเรื่องที่ไม่ได้แย่กว่าที่ประเมินไว้ก็จริง แต่ทุกครั้งที่เห็นดัชนีทิ้งตัวลงแรงทีไร อีฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเป็นประจำน่ะซี
ที่น่าสนใจคือ วันนี้ตลาดหุ้นไทยมีหุ้นที่จ่ายปันผลในระดับ 5-6% เยอะมาก ๆ แต่กลับไม่มีใครแยแสหุ้นเหล่านั้นแม้แต่นิดเดียว เพราะจ้องจะขายทิ้งลูกเดียวแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของพฤติกรรมการลงทุนที่เปลี่ยนไปเล่นสั้นกันมากขึ้น ผนวกกับไม่มีเม็ดเงินลงทุนระยะยาวก้อนใหม่เข้ามาพยุง ตลาดหุ้นไทยถึงมีลักษณะ “ทรงกับทรุด” เป็นเวลาร่วมปีไงล่ะคะ
ประกอบกับประเทศไทยไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่น จึงเป็นเหตุให้นักลงทุนต่างชาติระดมขายหุ้นแบบไม่ยั้ง ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขขายสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกปาเข้าไปแสนล้าน และในเดือน มิ.ย. เพียงเดือนเดียวขายไปมากถึง สี่หมื่นล้าน “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก และเป็นเรื่องที่ทำให้เดี๊ยนมึนตึ้บจนถึงทุกวันนี้ เพราะนโยบายต่าง ๆ ที่เข็นออกมายังไม่แผลงฤทธิ์เจ้าค่ะ
ขนาดแบงก์สีเขียว KBANK ผ่านสมรภูมิอะไรมาตั้งเยอะ และหุ้นก็รับข่าวร้ายมาพอสมควร แต่ยังถูกรินขายมากกว่าแบงก์รายอื่น ๆ “โมนิก้า” ย่อมรู้สึกกังวลมากกว่าปกติ เพราะในมุมของพื้นฐาน ราคานี้ต้องถือว่าถูกของจริง! แต่วานนี้หุ้นดันทรุดตัวลงไปถึง 123 บาท ก่อนจะมีแรงฮึดขึ้นมาปิดที่ 124.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 983 ล้านบาท โดยมีฐานเก่าที่ย่ำบ่อย ๆ อยู่ที่ 118 บาทแบบนี้..หมายความว่าไงจ๊ะ
เช่นเดียวกับในรายของ AOT ก็ทำโลว์แล้ว..ทำโลว์อีก จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 55.75 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.98 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 2 ปี 10 เดือน ทั้งที่ตอนนี้ก็ไม่มีโควิดมารบกวนจิตใจ และการท่องเที่ยวก็ยังมีความคึกคัก “โมนิก้า” ถึงแปลกใจทุกครั้งที่เห็นหุ้นตัวนี้อ่อนตัวลงมาเรื่อย ๆ และก็จนปัญญาที่จะอธิบายเหตุผลของการเข้าไปช้อนหุ้น เพราะเห็นหลายคนช้อนหักคาตามานักต่อนักพะย่ะค่ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น MALEE เป็นรายถัดมาอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นหุ้นที่ทิ้งตัวลงแรงเมื่อวันก่อน และวานนี้ก็ทิ้งตัวลงไปถึง 10 บาท ก่อนจะมีแรงซื้อค่อย ๆ ดันกลับขึ้นมาอีกครั้ง และปิดตลาดไปที่ระดับ 11.40 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 2.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 366 ล้านบาท ก็จะได้รับการพิสูจน์ในวันนี้ว่า จะมีรายการช้อนหักไหม? เพราะแมงลือยังเม้าท์เรื่องต้นทุนพุ่ง กดกำไรบริษัทอยู่เลยจ้า
สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น SGC เพื่อชี้ให้เห็นความกังวลที่มีต่อเรื่องเพิ่มทุนในเที่ยวนี้ มันมีประเด็นที่พัวพันกับปาร์ตี้ใหญ่หลายเจ้า และเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับหนี้สิน จึงเป็นเหตุให้นักลงทุนขายหุ้นหนีตายกันจ้าละหวั่น จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 1.50 บาท ลบไป 0.32 บาท หรือลงไป 17.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 155 ล้านบาทแบบนี้ คงต้องรอให้ผู้บริหารมาแถลงข้อเท็จจริง เพื่อคลายปมสงสัยเสียก่อนเจ้าค่ะ
หุ้นอีกรายที่มีประเด็นให้แมงเม้าท์สงสัย คงต้องมองไปที่น้องมะพร้าว PLUS หลังราคาหุ้นทิ้งตัวลงแรงอีกครั้ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่แมงเมาท์เอ่ยถึงต้นทุนมะพร้าวเพิ่มขึ้นเสียด้วย “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการลงมายืนปิดที่ระดับ 6.35 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 13.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 96 ล้านบาท น่าสนใจขนาดไหน? เพราะเป็นระดับใกล้เคียงกับโลว์เดิมที่บริเวณ 6 บาทไงล่ะจ๊ะ
ปิดท้ายกันด้วยหุ้นที่ยับเยินเกินจะเยียวยาอย่าง YGG กันดีกว่า! เพราะการโดนทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 2.48 บาท ลบไป 1.08 บาท หรือลงไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 93 ล้านบาท มันตีความได้อย่างเดียวว่า โดนฟอร์ซเซล! ซึ่งเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งกับข่าวเม้าท์เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ว่า หลายอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว! แต่สิ่งที่เห็นในวันนี้คือ ยังมีผู้ถือหุ้นใหญ่บางคนสางปัญหาไม่จบนะจะบอกให้
โมนิก้า: และทีมงาน