Short Sell สร้างสมดุลตลาดหุ้น
การมี Short Sell ทำให้เกิดความสมดุลของการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น โดยเฉพาะจะมีการ Check & Balance เรื่องดีมานด์
การมี Short Sell ทำให้เกิดความสมดุลของการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น โดยเฉพาะจะมีการ Check & Balance เรื่องดีมานด์ ไม่ว่าสถานะของราคาหุ้นตอนนั้นจะอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือ ขาลง
รวมถึงการป้องกันปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นแบบเกินจริง
ก่อนอื่นต้องขอปรับพื้นความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องหุ้นกันก่อนว่า..
การ Short Sell คือ การยืมหุ้นมาขาย เพื่อลงทุนในทิศทางขาลง และจะได้กำไรก็ต่อเมื่อ มีการซื้อหุ้นคืนกลับมาในจำนวนเท่าเดิม แต่ราคาที่ต่ำกว่าตอนขายออกไป
เวลาหุ้นลงจะมีการเก็งกำไรช่วงขาลง การปิดสถานะ Short จะทำให้ราคาหุ้นเด้งกลับขึ้นมาได้
ยกตัวอย่างหุ้น AA ถูก Short sell ออกมา จำนวน 100 ล้านหุ้น ทำให้ราคาปรับตัวลดลงมาอย่างรุนแรง
ในเวลาถัดมา ถ้าหากการปรับตัวลดลงพอสมควรแล้ว หุ้นที่ถูก Short sell ออกมา จะถูกปิดสถานะ หรือ ทำการซื้อหุ้นกลับคืน (Cover short) ให้ครบถ้วน ก็ต้องซื้อหุ้นคืนให้ครบ 100 ล้านหุ้นเพื่อส่งมอบเช่นกัน ราคาหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นเช่นกัน
ในกรณี ส่วนใหญ่ (ไม่ใช่ทั้งหมด) หุ้นที่ปรับตัวลงแรง มักจะเป็นหุ้นที่ไม่สามารถ Short sell ได้ ตามที่คนส่วนใหญ่มักจะมีการนำมาใช้กล่าวอ้างกันเสมอ
เพราะหุ้นที่ถูกเทขายออกมานั้น คือ หุ้นจากผู้ถือหุ้นจริง ๆ ที่ไม่ได้ถูกยืมมา Short sell เพื่อเก็งกำไรช่วงขาลงแต่อย่างใด
ในทางกลับกัน หุ้นที่ถูก Short sell มักจะถูก Cover short ในช่วงเวลาที่หุ้นปรับตัวลดลงเกินกว่าพื้นฐาน จึงทำให้ความน่ากลัวของหุ้นที่ถูก Short sell มีน้อยกว่า หุ้นที่ไม่ได้ถูก Short sell แต่ราคาลงเหมือนกัน
กรณีการฟื้นตัวของหุ้นที่ไม่ได้ถูก Short sell คือ ผลประกอบ หรือพื้นฐานที่ดีมาสนับสนุน
สรุปความ คือ หุ้นส่วนใหญ่ที่ลงแรง เป็นหุ้นที่ไม่สามารถ Short sell ได้ เพราะนั้นแปลว่า 1.หุ้นตัวนั้นมีแรงขายออกมาจริง ๆ 2.หุ้นตัวนั้นไม่มีดีมานด์จากการปิดสถานะ Short (Cover short)
ส่วนสิ่งที่จะมาพยุงราคาหุ้นที่ได้ร่วงลงจากการ Short sell คือ การที่คนจะมาซื้อหุ้นเหล่านี้ก็ต่อเมื่อ เชื่อมั่นว่า หุ้นตัวนั้นจะกลับมามีพื้นฐานที่ดีเหมือนเดิม หรือมากกว่าเดิม แต่ถ้ายังไม่มี ก็ควรระมัดระวัง
ใครที่ศึกษาพื้นฐานหุ้น อย่างจริงจังจะรู้ว่า ทำไมราคาหุ้นถึงลงแรง และจะไม่สงสัยเลยว่า ทำไมหุ้นตัวนั้นถึงลงแรง และจะไม่พูดเลยว่า “ราคาหุ้นไม่ควรลง” เพราะถ้ารู้อนาคต ว่าพื้นฐานจะแย่ลงในวันข้างหน้า
กรณีดังกล่าว เหมือนเป็นการมองมุมกลับของ “การตัดสินใจซื้อหุ้น ภายหลังจากที่ผู้ลงทุน ประเมินว่าอนาคตพื้นฐานจะปรับตัวดีขึ้น” ฉันใดก็ฉันนั้น
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งกรณีศึกษา ของหุ้นตัวหนึ่งในอดีต หุ้นตัวนี้เคยอยู่ 100 บาท ปัจจุบันเหลือ 23 บาท แล้วบอกว่า “ราคาหุ้นถูก” แบบนี้คือ ปัญหาเรื่องความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องของพื้นฐานของการลงทุน ไม่ใช่ปัญหาของการ Short sell แต่อย่างใด
สำหรับหุ้นที่ Short sell ยากที่สุด คือ หุ้นที่มีการปล่อยให้ Short sell
เหตุผลคือ ทุกครั้งที่หุ้นถูก Short sell จะต้องมีฝั่งที่ซื้อคืน หรือ Cover short กลับมาอยู่ตลอด ถ้าพื้นฐานยังดีเหมือนเดิม
แต่ถ้าเมื่อใดก็ตาม มีคนเล็งเห็นพื้นฐานของหุ้นกำลังจะเปลี่ยนไปทิศทางที่แย่ลงในอนาคต
ภาพการ Short sell ก็ถือเป็นตัวสะท้อนอะไรบางอย่าง ได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่ต่างอะไรกับ การซื้อหุ้นในช่วงที่เก็งกำไรว่า พื้นฐานอนาคตของหุ้นตัวนั้นจะดี
ทำให้เกิดมุมมองการคิดจะยกเลิก Short sell กลายเป็น การทำลายความสมดุลของตลาดหุ้นมากกว่า..!!
ธิติ ภัทรยลรดี (แทน)