พาราสาวะถี

เกมกีฬาสีการเมืองหลังจากที่เห็นผลการเลือก สว. จากเคยช่วงชิงกันแค่สีแดงเพื่อไทย กับสีส้มก้าวไกล มีเพิ่มเติมเข้ามาอย่างมีนัย นั่นก็คือสีน้ำเงิน ภูมิใจไทย จากจำนวนของสมาชิกสภาสูงที่เลือกกันเอง ซึ่งถูกมองว่าส่วนใหญ่ล้วนแต่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคสีน้ำเงิน จึงทำให้วิเคราะห์กันไปไกลถึงการคานอำนาจ หรือดีลเหนือดีล ถึงขนาดที่ว่าจะมีการพลิกขั้ว เขี่ยพรรคของ ทักษิณ ชินวัตร ไปเป็นฝ่ายค้าน ในเชิงตรรกะต้องบอกว่าเป็นไปได้ยาก ใครจะให้พรรคสุดโต่งเข้ามาร่วมมีอำนาจในการบริหารประเทศ

จริงอยู่ที่ว่าพรรคของ อนุทิน ชาญวีรกูล อาจกุมเสียงของ สว.และขยายวงในคุมสภาสูงแบบเบ็ดเสร็จ แต่จะทำไปเพื่อหวังสกัดไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ได้ตั้งธงกันไว้ แล้วเพื่อไทยจะเสียหน้าอย่างนั้นหรือ ดูจะตื้นเขินกันจนเกินไป ความจริงถ้ามองไปให้ยาวกว่านั้นคือหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า การที่มี สว.ขึ้นตรงกับพรรคของฝ่ายอนุรักษนิยม ถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับรับมือกรณีก้าวไกลชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ จนไม่สามารถสกัดให้ตั้งรัฐบาลได้

เมื่อถึงเวลานั้น หากวุฒิสภาไม่มีคนของฝ่ายอนุรักษนิยม น่าเป็นห่วงว่ากระบวนการแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ ก็จะสามารถทำได้ตามความต้องการของฝ่ายกุมอำนาจ อันจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ดังนั้น การได้ สว.สีน้ำเงิน จึงเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า แม้จะไม่มีอำนาจร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีมือไม้ที่จะไม่ปล่อยให้ฝ่ายมีอำนาจบริหารประเทศทำอะไรได้ตามอำเภอใจ

มากไปกว่านั้น บทบาท หน้าที่ และอำนาจของ สว.อีกประการก็คือ การแต่งตั้งกรรมการองค์กรอิสระทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น กกต. ป.ป.ช. อัยการสูงสุด ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงประธานศาลปกครองสูงสุด ตามกระบวนการต้องคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด แต่อย่างที่เห็นนับตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2557 องค์กรเหล่านั้นถูกตั้งข้อกังขาจากสังคมเป็นอย่างมาก จนเกิดภาวะเสื่อมศรัทธาต่อการทำหน้าที่ โดยเฉพาะองค์กรที่ทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริต

คดีแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อนเป็นเครื่องพิสูจน์ ที่จนถึงวันนี้คดีความว่าด้วยการยื่นศาลปกครองให้มีการเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบ หลังศาลชี้ขาดไปแล้ว ยังมีการยื้อยุด ดึงเรื่องไว้จนถึงวันนี้ ถึงขั้นผู้ที่ไปฟ้องให้มีการเปิดเผยข้อมูล ต้องฟ้องศาลให้มีการเอาผิดถึงขั้นจับกรรมการ ป.ป.ช.ขังจนกว่าจะมีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลกันเลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าบทบาทขององค์กรอิสระที่เคยถูกกล่าวหาว่าถูกแทรกแซงในยุคของทักษิณ ผ่านการรัฐประหารมาสองหนความเชื่อถือ เชื่อมั่นกลับเสื่อมทรุดมากกว่าเดิม

เมื่อมองทิศทางของการมี สว.สีน้ำเงินเช่นนี้แล้ว การยังไม่รับรองผลการเลือกของ กกต. ตามที่ประธาน กกต.บอกว่าไม่ใช่การเลื่อนนั้น จึงไม่น่าจะมีอะไรให้น่ากังวล เป็นเพียงความล่าช้า เพื่อทำให้เห็นว่ากระบวนการตรวจสอบไม่ได้สุกเอาเผากิน เมื่อไม่มีพยาน หลักฐานอะไรที่เป็นทีเด็ด ย่อมยกประโยชน์ให้จำเลย หรือหากมีก็จะเป็นเพียงแค่การสอยรายบุคคล ไม่ถึงขั้นสั่งให้การเลือกเป็นโมฆะ นั่นจึงทำให้พวกลากตั้งที่แอบลุ้นกันอยู่ ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไปตามระเบียบ

ปมปัญหาการต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ของว่าที่นายก อบจ.ปทุมธานี ชาญ พวงเพ็ชร์ ดูแนวโน้มแล้ว ไม่น่าจะไปถึงขั้นที่ต้องให้ศาลมีคำสั่ง เพราะดูจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยไว้แล้ว เหลือแนวทางแค่ หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ หรือคนที่ได้รับเลือกทำหน้าที่ไปก่อนแล้วกระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดใช้อำนาจในการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งผลที่จะตามมาของการหยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้งสองแบบจะต่างกันในแง่ของผู้ทำหน้าที่รักษาการนายก อบจ.

หากเป็นการหยุดปฏิบัติหน้าที่อัตโนมัติ ปลัด อบจ.ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายก อบจ.ไป แต่หากผู้ว่าฯ สั่งให้หยุดผู้ที่จะทำหน้าที่แทนก็คือรองนายก อบจ. ส่วนข้อเรียกร้องจาก ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าที่บอกว่าปัญหานี้ต้องแก้ด้วยสปิริต โดยให้ลุงชาญลาออก แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีของตัวเอง เมื่อศาลยังไม่ตัดสินว่ามีความผิดย่อมถือว่ายังบริสุทธิ์อยู่ ขณะเดียวกัน ถ้าไขก๊อกก็จะส่งผลกระทบไปถึงพรรคเพื่อไทยที่ส่งลงสมัครด้วย

กับคำถามที่ว่าแล้วการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนที่จะส่งคนลงสมัครไม่ได้ดำเนินการหรืออย่างไร ตรงนี้คงจะเล่นงานพรรคแกนนำรัฐบาลได้ยาก เพราะข้อกฎหมายไม่ได้ห้ามว่าใครถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วห้ามสมัคร ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินย่อมไม่เป็นผู้ขาดคุณสมบัติ เหมือนที่ปิยบุตรชี้กรณีนี้มันลักลั่นทางกฎหมาย คือการไปสมัครรับเลือกตั้งแต่มีคดีที่ยังอยู่ในศาลสามารถสมัครได้ แต่ถ้าสมัครแล้วได้เป็นกลับถูกสั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่ โดยบางคดีต้องใช้เวลานานเป็นสิบปี

ผลจากการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี บรรดากองเชียร์ก็บอกว่าทักษิณยังไม่สิ้นมนต์ขลัง แต่พอมองไปถึงผลงานของรัฐบาลกองแช่งก็พากันขยี้ ไม่มีแล้วประชานิยมที่ทะลุทะลวงสร้างความชื่นชอบ รับคะแนนสนับสนุนถล่มทลายสำหรับประชาชนเหมือนยุคไทยรักไทย ความจริงนายใหญ่ก็ยอมรับส่วนหนึ่งโจทย์ที่ถูกผูกไว้นานเกือบ 10 ปีไม่ใช่เรื่องที่จะแก้กันง่าย ๆ มิหนำซ้ำ สถานการณ์ต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก หากจะโชว์ฝีมือต้องใช้เวลา หน้าที่ในการขับเคลื่อนและทำให้คนยอมรับ จึงเป็นภาระอันหนักอึ้งบนบ่าของเศรษฐาอย่างช่วยไม่ได้

ดิจิทัลวอลเล็ตนโยบายเรือธง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส่งซิกมาแล้ว จะเริ่มเปิดให้ประชาชนและร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ทุกอย่างยังเป็นไปตามไทม์ไลน์เดิม ไตรมาสสุดท้ายปีนี้กลุ่มเป้าหมายได้เงินหมื่นเติมเข้ากระเป๋าแน่ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น วันนี้แอ็กชันของเศรษฐาเคร่งขรึม เข้มข้นต่อการปราบปรามยาเสพติด สั่งการน่านและร้อยเอ็ดต้องเป็นจังหวัดสีขาวภายใน 3 เดือน เร่งให้ทุกหน่วยประสานมือจับกุม กวาดล้าง ยึดทรัพย์ขบวนการค้าโดยเฉพาะยาบ้าให้สิ้นซาก คำถามสำคัญคือ เปิดเกมรุกกันแบบนี้ โรงงานผลิตที่อยู่ติดชายแดนรัฐบาลเพื่อนบ้านเอาด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ การลุยอยู่ฝ่ายเดียวก็เปล่าประโยชน์

อรชุน