MASTER โตตามเทรนด์ศัลยกรรมความงาม

MASTER เติบโตต่อเนื่องทุกปี จากกระแสความนิยมการทำศัลยกรรม ช่วยหนุนให้ธุรกิจเสริมความงามมีโอกาสเติบโตสูง


คุณค่าบริษัท

จากกระแสความนิยมการทำศัลยกรรม ช่วยหนุนให้ธุรกิจเสริมความงามมีโอกาสเติบโตสูง จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นผลประกอบการของบริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ดำเนินธุรกิจสถานพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามครบวงจร ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ” เติบโตต่อเนื่องทุกปี

ตอกย้ำด้วยงบไตรมาส 1/2567 ที่ฟาดกำไรสุทธิไป 106.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 71.56 ล้านบาท และมีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 468.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 435.79 ล้านบาท

สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการศัลยกรรมเพิ่มขึ้น 21 ล้านบาท หรือเติบโต 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้เพิ่มขึ้นในทุกหัตถการ ทั้งศัลยกรรมยกคิ้ว ศัลยกรรมเสริมจมูก สุขภาพชาย และค่าบริการตรวจสุขภาพ เนื่องจากบริษัทเพิ่มจำนวนแพทย์ และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีลูกค้าเข้ามารับบริการเพิ่มขึ้น

ขณะที่ ช่วงที่เหลือของปีนี้มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อ ปัจจัยหนุนจาก 1)เทรนด์การทำศัลยกรรมที่ยังเติบโตต่อเนื่อง 2)การเพิ่มขึ้นของลูกค้าต่างประเทศ ทั้งลูกค้าจากประเทศอินโดนีเซีย ที่นิยมมาทำหัตถการด้านจมูก หน้าอก และปลูกผม ลูกค้าชาวจีน ที่นิยมมาทำหัตถการด้านจมูกและดูดไขมัน ลูกค้ากัมพูชา ที่นิยมมาใช้บริการเรื่องสุขภาพและเรื่องเพศ เป็นต้น

3)การบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมมากขึ้น 4)การมีสาขาเปิดให้บริการเพิ่มขึ้น ปัจจุบันอยู่ที่ 95 สาขา โดยมีทีมแพทย์เพิ่มขึ้นเป็น 142 ท่าน และห้องผ่าตัดใหญ่เพิ่มเป็น 27 ห้อง จากสิ้นปี 2566 ที่เปิดให้บริการรวม 43 สาขา มีทีมแพทย์รวม 138 ท่าน และห้องผ่าตัดใหญ่รวม 17 ห้อง

นอกจากนี้ MASTER ยังมีสตอรี่เชิงบวก จากการจะย้ายจากตลาด mai ไปซื้อขายบนกระดานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คาดจะช่วยดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วไป และนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น

ด้าน บล.ดาโอ ประเมินกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2567 ของ MASTER อยู่ที่ 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 15% จากไตรมาสก่อน จาก 1)รายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 12% จากรายได้ surgery ขยายตัวจากการขยาย new OR capacity และฐานลูกค้าต่างชาติขยายตัว โดยเฉพาะอินโดนีเซีย 2)อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขยายตัวจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้วจากมีค่าใช้จ่ายขยาย OR และ 3)equity income ขยายตัว จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Wind, Kin, Rattinan, Dr.Chen, TYP, Twinkle และ V Square (เริ่มรับรู้ มิ.ย.)

สำหรับแนวโน้มกำไรในครึ่งปีแรกมีสัดส่วนที่ 39% ของประมาณการปี 2567 อย่างไรก็ตามคาดกำไรในครึ่งปีหลังจะขยายตัวโดดเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและครึ่งปีแรก ทั้งจากรายได้ศัลยกรรม และ GPM ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก V Square และ S45 ในไตรมาส 3/2567 ดังนั้นคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 579 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น MASTER ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 40.98 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 16.97 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 5.97 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ส่วนใหญ่ P/BV จะอยู่ที่ระดับ 1.22 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 76.67 บาท จากราคาต่ำสุด 70 บาท และราคาสูงสุด 86 บาท

Back to top button