‘ผู้บริหาร บจ.’ เหยื่อความโลภจากระเบิดเวลา force sell ที่ผู้ลงทุนต้องอ่านให้ขาด

การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทย ภายหลังจากที่นักลงทุนต่างชาติ เทขายหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ทำให้ราคาหุ้นรายตัวที่มีผลประกอบการที่ง่อนแง่น


การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทย ภายหลังจากที่นักลงทุนต่างชาติ เทขายหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ทำให้ราคาหุ้นรายตัวที่มีผลประกอบการที่ง่อนแง่น แถมยังมีการนำหุ้นไปจำนำ (pledge) กับโบรกเกอร์หรือ นอกระบบในสัดส่วนที่เกิน 20% ขึ้นไป ทำให้มีความเสียหายเกิดขึ้น

ระเบิดเวลาที่ผู้บริหาร หรือผู้ถือหุ้นใหญ่สร้างขึ้น เกิดจากการ “ความโลภ” ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา สำหรับปุถุชนทั่วไปที่ยังไม่บรรลุ หรือ ละจากทางโลก

การถูกชักจูง หรือ ชักชวนจากคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น กรรมการในบริษัท ที่ปรึกษาทางการเงิน กูรูทั้งหลาย หรือแม้แต่ บรรดานักลงทุนรายใหญ่ ที่พยายามชักชวนให้ เจ้าของปั่นหุ้นของตนเอง โดยอาศัยการ leverage จาก wealth ที่มีอยู่ เพื่อเอา “เงินไปต่อเงิน”

ความงดงาม ที่วาดภาพไว้ที่จะเกิดขึ้นปลายทาง หลังดีลนี้สำเร็จ คือ ความร่ำรวย เป็น 100 ล้าน 1,000 ล้าน หรือ 10,000 ล้านบาท ตามแต่จินตนาการที่จะไปถึง

ตัวอย่างของผู้ประสงค์ดี ที่เข้าไปเป็น “กุนซือ” หรือ Advisor เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดกับผู้บริหาร ที่ไม่เคยมีเงินสดมากมายก่ายกองในชีวิต คือ การแนะนำให้เอาหุ้นไป “จำนำ” เพื่อให้ได้วงเงินไปไล่ราคา โดยจะมีฝ่ายกองหนุน ที่เป็นพรรคพวกของตน หรือรายใหญ่จะช่วย ดันราคาให้อีกทาง

ในช่วงแรกก็แฮปปี้ เพราะทุกคนได้ประโยชน์ จนผู้บริหารเองก็ลำพองใจ คิดว่าคุมได้ทุกอย่าง ทั้งเกมหุ้นในกระดาน เกมธุรกิจ ผลประกอบการ รวมถึง จังหวะการปล่อยข้อมูลที่เป็นข่าวดี ผ่านพีอาร์ ก่อนสู่สาธารณชน

ไอ้ความที่คิดว่า คุมได้ทั้งหมดของ เจ้าของ นี่แหละ คือความผิดพลาดอันใหญ่หลวง เพราะ เกมหุ้นในกระดาน ไม่มีใครสามารถคุมได้ไปตลอด 100% แม้แต่คนที่มีหุ้นเยอะที่สุดก็ตาม เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ

1.ภาวะตลาดหุ้นที่ไม่สามารถควบคุมได้

2.การหักหลังกันเองภายใน ทำให้ไม่เป็นไปตามเกมที่วางไว้ตั้งแต่แรก จะด้วยว่า “เจ้าของ” หักหลัง “รายใหญ่-เซียน-คนทำหุ้น” หรือ “รายใหญ่-เซียน-คนทำหุ้น” หักหลัง “เจ้าของ”

ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีหลัง เพราะรายใหญ่-เซียน-คนทำหุ้น อยู่ในตลาดหุ้นมานาน และเป็นอาชีพของเขาอยู่แล้ว ที่จะต้องเอาตัวรอด ส่วนเจ้าของ ไม่คิดว่าการเอาตัวรอดของอดีตกลุ่มพันธมิตรเหล่านี้ จะกลายเป็นความทุกข์ที่เจ้าของจะต้องแบกหน้าตอบคำถามกับผู้ลงทุนแต่เพียงผู้เดียว

จุดตายข้อหนึ่ง ที่รายใหญ่ทราบดีคือ เจ้าของ (ส่วนใหญ่) ไม่กล้าที่จะสาดหุ้นตนเองออกมา เพราะรู้ว่าเจ้าของรักบริษัทของตัวเอง ยิ่งกลายเป็นข้อได้เปรียบ

ในจังหวะที่รายใหญ่เทขายหุ้นออกมา ก็มักจะมีเหตุผลต่าง ๆ นานา ก่อนที่จะย้ายไปลงทุนหุ้นตัวอื่น แต่สิ่งที่รายใหญ่ จะบอกเจ้าของ คือ “ให้ตั้งใจทำผลประกอบการให้ดี ทำกำไรให้เติบโต แล้วสุดท้ายราคาหุ้นจะกลับมาเอง” เหล่านี้เป็นต้น

คำพูดดังกล่าว คือ คำบอกลาของรายใหญ่ ที่ได้บอกให้เจ้าของรับทราบ ก่อนที่จะโบกมือลา แล้วจะไม่เข้าไปยุ่งกับหุ้นตัวดังกล่าวอีกเลย ตราบจนวันที่จะมีงานใหญ่ระดับประเทศ นั่นแหละจะได้รับโทรศัพท์จากรายใหญ่เหล่านั้นอีกครั้ง

นี่เป็น หนึ่งตัวอย่างของ ความน่าเห็นใจที่ตกเป็นเหยื่อของความโลภ 

หลังจากนั้น เจ้าของ ก็เริ่มติดกับดักตัวเอง เพราะหุ้นที่เอาไปจำนำไว้ ที่ยังเกาะไม่ออก พอนานไปมันเลยกลายสภาพมาเป็นระเบิดเวลาดี ๆ นี่เอง

ในอดีตที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ในจังหวะที่ ตลาดหุ้นเป็นขาลงอย่างในตอนนี้ และแย่มากกว่าช่วงตอนวิกฤตโควิด-19 จึงทำให้วงเงินมาร์จิ้น ที่ถูกเอา Wealth ไปวาง แปลงสภาพเป็น ระเบิดเวลาที่ถูกฝังไว้ 

เท่านั้นไม่พอ มันพร้อมจะเริ่มทำการนับถอยหลัง หากราคาหุ้นในกระดานปรับตัวลดลง และทำการระเบิดตัวเองในที่สุด

แรงระเบิดที่ผู้บริหาร ได้รับเกิดจากการผิดนัดชำระ หรือการผิดเงื่อนไขที่ได้ตกลงไว้ กับ ผู้ให้กู้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล-สถาบันการเงิน หรือโบรกเกอร์ 

วันนี้เราได้เห็น ระเบิดเวลาเริ่มทำงาน ตามจุดต่าง ๆ ทั้งหุ้นที่อยู่ใน SET และ mai 

ทำให้เราได้เห็นราคาหุ้นที่เคยอยู่ หลักร้อย เหลือหลักสิบ หุ้นสองหลักปลาย ๆ เหลืออยู่หลักเดียว

สภาพซากแห่งความอับอาย ของชื่อ-นามสกุล ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับต้น ๆ ของแต่ละบริษัทที่เอาหุ้นไปจำนำเกิดความเสียหาย กลายเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายของผู้ถือหุ้น

โดยความผิดพลาดทั้งหมด เกิดจาก ตัวผู้บริหารเอง ซึ่งทางการไม่สามารถเข้าไป interfere หรือขัดขวาง “ความโลภ” ดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็น “เรื่องส่วนบุคคล”

ในเมื่อความเสี่ยง จากการลงทุน เป็นของ “ผู้ลงทุน” ฉะนั้นควรจะต้องหมั่นตรวจเช็ก ว่าหุ้นที่เราถืออยู่ มีอะไรที่จะกลายสภาพเป็นระเบิดเวลาในอนาคตหรือไม่ 

บทความชิ้นนี้น่าจะเป็นคำแนะนำที่ดี สำหรับ “เจ้าของหุ้น” ที่กำลังเข้าจดทะเบียน และ “ผู้ลงทุน” ที่จะเลือกหุ้นเพื่อการลงทุน นอกเหนือจากการแกะงบการเงิน และการอ่านแนวโน้มธุรกิจที่จะลงทุน ให้หันมาสนใจเรื่องเหล่านี้เพิ่มเติมอีกหนึ่งหัวข้อก็คงจะดีไม่น้อย

อึ้งย้ง

Back to top button