พาราสาวะถี

การพิจารณาเพื่อประกาศรับรอง สว.ซึ่งเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ 26 มิ.ย.67 ท่ามกลางการคาดเดาต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า กกต.จะชี้ขาดออกมาแบบไหน


การพิจารณาเพื่อประกาศรับรองผลการเลือก สว.ซึ่งเสร็จสิ้นไปตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ท่ามกลางการคาดเดาต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า กกต.จะชี้ขาดออกมาแบบไหน ล่าสุด ก็มีข่าวปล่อยว่า อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ได้ลาพักร้อนตลอดทั้งสัปดาห์นี้ จนเจ้าตัวต้องแจงวุ่นอย่าเชื่อข่าวเท็จ ตนยังทำงานปกติ อยู่ร่วมประชุมโดยตลอด ยิ่งมีเรื่องร้อนเกี่ยวกับการรับรองผลเลือก สว. ยิ่งไม่สามารถที่จะปลีกตัวได้

น่าสนใจต่อกระบวนการของ กกต. หากยังล่าช้า ยืดเยื้อออกไป จะสอดรับกับมติของที่ประชุมวุฒิสภาชุดลากตั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาหรือไม่ กับการเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือก สว. มีข้อเสนอที่สุดโต่งถึงขนาดให้การเลือกเป็นโมฆะ พร้อมกับใช้งบประมาณอีก 1,500 ล้านบาท จัดการเลือกใหม่ แต่มีเงื่อนไขแสดงถึงความหวังดีอย่างแท้จริงไม่ใช่ประสงค์ร้ายว่า ไม่ต้องเปิดรับสมัครใหม่ แต่ให้ใช้ผู้สมัครชุดเดิม เพิ่มเติมคือ กกต.ไปตรวจสอบคุณสมบัติทุกคนให้ละเอียด ถูกต้อง

หากเดินตามแนวทางนี้ ก็เท่ากับว่าองค์กรอิสระที่มีหน้าที่บริหารจัดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะกรรมการการเลือกตั้ง ทำหน้าที่บกพร่อง ก่อนที่จะไปสู่การเลือก สว.ใหม่ อาจต้องโละ กกต.ชุดเก่าทิ้งไปก่อนเสียกระมัง ควรต้องขีดเส้นใต้ต่อความพยายามของพวกลากตั้ง ไม่ได้รู้สึกเสียดาย หรือเห็นว่ามีความเสียหายอะไรต่อการที่จะต้องใช้งบประมาณมหาศาลเพื่อจัดการเลือก สว.ใหม่ เพียงเพราะสิ่งที่มองเห็นว่าเป็นความผิดพลาดในการปฏิบัติงานของ กกต.

ผิดกับท่าทีที่ต่อต้าน คัดค้านการจะใช้งบประมาณเพื่อทำประชามติให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ถือเป็นตัวบ่งชี้รากเหง้าความคิดของพวกที่ทำคลอดมาจากปลายกระบอกปืน ขณะเดียวกัน มีการข่มขู่ด้วยว่าหากกระบวนการเลือกผ่านไปจนถึงการที่ กกต.รับรอง แล้วท่วงทำนองการทำงานของ สว.ชุดใหม่เป็นไปในลักษณะที่สุดโต่ง ผิดเพี้ยนไปจากความต้องการของขบวนการสืบทอดอำนาจ ระวังจะเจอสภานิติบัญญัติแห่งชาติชุดใหม่

คิดอะไรไม่ออกก็ขุดเอาเผด็จการมาขู่ทันที ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะช่วงเวลานี้อยู่ในจังหวะที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2568 กำลังจะเข้าสู่โหมดการไล่บี้งบฯ ในส่วนของกระทรวงกลาโหมและกองทัพ ประกอบกับมีปัญหาเรื่องการแก้ไขสัญญาการจัดซื้อเรือดำน้ำ พร้อมด้วยเสียงเรียกร้องมาจาก พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. อยากให้ปมเรือดำน้ำจีนจบก่อนตัวเองเกษียณ เลยกลายเป็นเรื่องขนมผสมน้ำยา เป็นเหตุแห่งการจุดกระแสความไม่พอใจจากกองทัพได้

เป็นธรรมดาของพวกผลไม้พิษ ที่หล่นร่วงมาจากต้นที่ไม่ปลอดภัยต่อระบอบประชาธิปไตยแล้ว ย่อมมีแนวคิด และวิธีการที่อยากให้เกิดการล้มรัฐบาล คว่ำรัฐธรรมนูญเพื่อวางแนวทางที่จะทำให้พวกอนุรักษนิยมสุดโต่งได้กุมอำนาจ ทำอะไรได้ตามอำเภอใจเหมือนระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็เห็นกันแล้วว่าเกิดการปฏิรูป สร้างความเปลี่ยนแปลง และนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าหรือไม่ มีแต่เหนี่ยวรั้งถ่วงความเจริญ มีรัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ต้องตามล้างตามเช็ดกันอุตลุด

ด้านฝ่ายบริหารงานของ เศรษฐา ทวีสิน ล่าสุดถูกค่อนขอด “ทำดีแต่ไม่มีผลงาน” คงไม่ใช่ประเด็นที่จะทำให้ท้อจนหมดกำลังใจ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาโชว์ความขยันต่อไป ที่สังคมอดสงสัยไม่ได้ ทำไมจึงเกิดข้อกังขาของคนกันเองอย่าง วรชัย เหมะ ที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองของรองนายกฯ ภูมิธรรม เวชยชัย ผู้จัดการรัฐบาลว่า การลงพื้นที่และเดินทางไปต่างประเทศของเศรษฐาจะกลายเป็นปัญหาระหว่างคนภายในพรรคเพื่อไทย จนนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ต้องออกมาโต้ว่า คนวิจารณ์ไม่ได้ใกล้ชิดท่านผู้นำ จึงไม่เข้าใจกระบวนการทำงาน

มองผิวเผินเหมือนไม่มีอะไร เป็นความไม่เข้าใจกันระหว่างคนทำงานทางการเมืองเป็นปกติ แต่อย่าลืมว่า เศรษฐาย้ำมาโดยตลอด การลงพื้นที่คือการรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง เพื่อรับมานำไปสู่การแก้ไข ที่เสี่ยเงาะในฐานะอดีต สส.สมุทรปราการของพรรคแกนนำรัฐบาล บอกมาคือมีการสะท้อนปัญหาแต่ไม่รับฟัง มันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ตรงนี้หากไม่ใช่เรื่องความน้อยใจส่วนตัวที่พื้นที่ฐานเสียงตัวเองถูกมองข้าม หรือละเลย อาจจะเป็นจุดตั้งต้นที่ฉายภาพแทนความไม่พอใจของ สส.อีกหลายพื้นที่ก็เป็นได้

เชื่อว่าเมื่อออกมาเปิดหน้าผ่านสื่อกันแบบนี้ ตามวิถีของพรรคนายใหญ่สุดท้ายก็ต้องไปจบกันในที่ประชุมพรรค อยู่ที่ว่าจะจบกันด้วยการพูดคุย จับมือ หรือต้องให้ผู้มีอำนาจ บารมีของพรรคส่งสัญญาณกลับมา ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ หากปล่อยไว้ก็อาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ อย่างไรก็ตาม ไทม์ไลน์ทางการเมืองเดินทางมาถึงจะกลางเดือนกรกฎาคมแล้ว โจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างความชัดเจนก็คือ ดิจิทัลวอลเล็ตนโยบายเรือธงจะเดินหน้ากันได้จริงหรือไม่

ถ้ายึดตามที่เคยประกาศไว้ ไตรมาสนี้จะต้องเริ่มเปิดให้ประชาชนและร้านค้าลงทะเบียนกันแล้ว ระวังจะเกิดคำถามตามยุคสมัย “ลงทะเบียนกี่โมง” คงจะรู้ถึงกระแสที่จะเกิดขึ้น เศรษฐาจึงมีวาระนั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ในวันที่ 15 กรกฎาคม ตามมาด้วยการแถลงข่าวสรุปโครงการรวมถึงขั้นตอนการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนโดยนายกฯ จะเป็นผู้ชี้แจงเองในวันที่ 24 กรกฎาคม และนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม.วันที่ 30 กรกฎาคมนี้

กระนั้นก็ตาม ยังมีคำถามตัวโตเกี่ยวกับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในส่วนที่เป็นเงินจาก ธ.ก.ส. สรุปแล้วจะยังไง ฟังจากภูมิธรรมก็บอกว่าได้ส่งรายละเอียดไปตั้งแต่เริ่มโครงการ ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาอยู่ แต่ ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาบอกว่า รัฐบาลยังไม่ได้ส่งเรื่องมา จุดนี้จะทำให้เป็นข้อกังขาสรุปแล้วจะเอายังไง หรือว่ารัฐบาลจะใช้เงินจากแหล่งอื่น ซึ่งคำตอบจากปกรณ์ก็ชวนให้คิด หากจำเป็นต้องใช้งบประมาณของ ธ.ก.ส.ก็ต้องถามมา แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องถาม ปุจฉาต่อมาก็คือ เงินที่มาแทนที่เงินจาก ธ.ก.ส.จะมาจากส่วนใด หรือว่าเราจะได้เห็นลีลาพลิกพลิ้วทางกฎหมายกันอีกแล้ว

อรชุน

Back to top button