ตั้งลำใหม่

สิ่งที่น่าดีใจอย่างหนึ่งก็คือ แม้ดัชนีจะฝ่าแนวต้าน 1,325 จุดขึ้นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นแรงรับหุ้นยังมีเข้ามาเป็นระยะ


สิ่งที่น่าดีใจอย่างหนึ่งก็คือ แม้ดัชนีจะฝ่าแนวต้าน 1,325 จุดขึ้นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นแรงรับหุ้นยังมีเข้ามาเป็นระยะ ส่งผลให้ภาพการขยับตัวในระยะยาวยังเป็นลักษณะ V-Shape ซึ่งเป็นจุดที่ย้ำหัวหมุดให้เห็นว่า ความเสี่ยงที่จะถูกเทกระจาดเหมือนครั้งก่อน ๆ มีโอกาสเกิดขึ้นยาก เพราะการทำชอร์ตเซลไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน แถมผู้บริหารที่เอาหุ้นไปตึ๊งก็พยายามปลดล็อกออกมาทีละนิดไงล่ะคะ

ประกอบกับต่างชาติขายหุ้นออกมาเยอะเกินไปในช่วงที่ผ่านมา จึงเพลาการขายเพื่อรอจังหวะซื้อกลับในช่วงสั้น ๆ  “โมนิก้า” เลยเชื่อว่า ดัชนีจะวนเวียนไปมาที่บริเวณ 1,300+20 จุด อีกสักพัก และถ้ามองสตอรี่เกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาส 2 ที่หุ้นกลุ่มแบงก์จะทยอยประกาศออกมา น่าจะเป็นตัวชี้ชัดดัชนีควรจะ “เดินหน้า” หรือ “ถอยหลัง” เพราะการเล่นวันนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานเป็นหลักแล้วน่ะซี

ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,323.28 จุด บวกไป 3.36 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.42 หมื่นล้านบาท น่าจะทำให้นักลงทุนเริ่มอุ่นใจขึ้น! เพราะหุ้นใหญ่บางตัวเพิ่งผงกหัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นภาพที่บอกเป็นนัยให้รู้ว่า เริ่มมีการเก็บหุ้นที่ลงมาเยอะ และตรงจุดนี้เองที่ทำให้ “โมนิก้า” เปลี่ยนมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดหุ้นไทย เพราะนักเล่นหันมามองพื้นฐานมากกว่ามองเกมหุ้นไงล่ะตัวเอง

เหมือนกับแรงซื้อที่ไหลกลับเข้ามาในหุ้น AOT ก่อนราคาหุ้นจะยืนปิดที่ระดับ 58.25 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.45 พันล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นจังหวะของการตามน้ำอย่างแน่นอน เพราะแค่มองเรื่องราคาเป้าหมายที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ให้ไว้ที่บริเวณ 70 บาท ก็ทำให้รู้ว่า ราคาหุ้นยังมีแก๊ปให้ขึ้นอีกเพียบ แถมราคาที่หุ้นยืนอยู่ก็เป็นราคาฐานใหม่..จึงไม่ต้องวอรี่อะไรมากค่ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น CPALL ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเป็นคนฟาดเรียบในเรื่องที่รัฐบาลผลักดันแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทในช่วงไตรมาส 4 ผสานกับช่วงเวลาดังกล่าวเป็นไฮซีซั่นของการจับจ่ายใช้สอย เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นในระหว่างวัน แม้ว่าท้ายตลาดจะย่อลงมาปิดที่ 57.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.77 พันล้านบาท เพราะของมันแบเบอร์มาตั้งแต่ในมุ้งว่า รวย..รวย..รวย พะย่ะค่ะ

อีกรายที่น่าจับตามากก็คือ CK หลังราคาหุ้นลงลึกเหลือเกิน และเริ่มมีการซื้อกลับเข้ามาเป็นระลอก จนราคาหุ้นที่เคยนอนอยู่ก้นเหวบริเวณ 19 บาท เริ่มมีการฟื้นตัวอย่างช้า และเมื่อมองราคาหุ้นที่ยืนปิดในระดับ 19.80 บาท บวกไป 0.30บาท หรือขึ้นไป 1.54% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 403 ล้านบาท ก็เป็นจังหวะที่เหมาะต่อการเล่นตามน้ำ เพราะราคาเป้าที่โบรกฯ ให้ไว้ส่วนใหญ่อยู่เกิน 23 บาทกันทั้งนั้นเจ้าค่ะ

ส่วนหุ้นนอกกระแสที่มีแรงซื้อกลับอย่าง SPREME ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจในแง่กลุ่มผู้เล่นเที่ยวนี้..เขาว่ากันว่าเป็นดาวดังที่เอ่ยชื่อออกไปก็ร้องอ้อกันเป็นแถว และดูเหมือนการเล่นเที่ยวนี้จะล้อไปกับงบรัฐบาลตั้งแต่ปี 67 ต่อเนื่องถึงปี 68 ซึ่งจะทำให้ผลงานของบริษัทเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” จึงมองราคาปิดที่ระดับ 1.88 บาท บวกไป 0.19 บาท หรือขึ้นไป 11.24% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109 ล้านบาทเหมาะต่อพวกชอบโหนเจ้า (มือ)..อิอิอิ

สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้น BE8 เพื่อชี้ให้เห็นการขยับตัวขึ้นต่อเนื่อง น่าจะมีก๊วนมือดีที่ทำเกี่ยวกับหุ้นเข้ามาคุมเกมรอบใหม่ ราคาหุ้นถึงขยับตัวอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 17.60 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 9.32% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 55 ล้านบาท ก็เป็นช็อตที่เหมาะต่อการเล่นสั้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะโมเมนตัมมันมาขนาดนี้ คงไม่เลิกกันง่าย ๆ หรอกนะตัวเอง

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงการปลุกผี NCL ขึ้นมาเล่นรอบใหม่ เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.58 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 16% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23 ล้านบาท น่าจะเป็นการเคาะกะลาเรียก..มากินข้าวธรรมดา ๆ เพราะเขาเม้าท์กันให้แซ่ดว่า สไตล์การเล่นแบบนี้..ใครถนัด? ผนวกกับที่ผ่านมาทุกคนต่างโจษจันถึง “เสี่ย.อ” ตัวผอมเป็นประจำ จึงขอดูอยู่ห่าง ๆ “หมูกำลังจะหาม อย่าเอาคานเข้ามาสอด” พะย่ะค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button