ใครจะเป็นรายต่อจาก EA

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยต้องสั่นคลอนอีกครั้ง เมื่อมีเรื่องฉาวโฉ่เกิดขึ้นกับหุ้น พลังงานไม่บริสุทธิ์..อุ๊ย..พลังงานบริสุทธิ์ EA ซึ่งได้ชื่อเป็นดาวเด่นของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จนหลายคนเริ่มตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับมาตรฐานของหุ้นไทย และพาลให้คิดต่อไปถึงขั้นที่ว่า ใครจะเป็นรายต่อไป? เพราะการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. ที่เกี่ยวกับลักษณะไซฟ่อนเงินมันทำให้สังคมเชื่อว่า น่าจะมีอีกหลายบริษัทที่ทำแบบนี้น่ะซี

ประเด็นข้างต้นทำให้ตลาดหุ้นไทยเละเทะตั้งแต่หัววัน เพราะมีบริษัทที่เข้าไปพัวพันทั้งทางตรงและทางอ้อม “โมนิก้า” เลยถือโอกาสไล่สตอรี่ที่เกิดขึ้นเป็นฉาก ๆ เพื่อทำให้เห็นว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเจอแต่เรื่องแย่ ๆ ทั้งนั้น! ซึ่งมันเริ่มตั้งแต่ปี 65 ก็เกิดรายการปล้นโบรกฯ จากฝีมือหุ้น MORE ซึ่งทำให้โบรกเกอร์ขาดทุนป่นปี้ จนถึงขั้นต้องปิดโบรกฯ พร้อมกับมีการสังคายนาหลังบ้านกันยกใหญ่พะย่ะค่ะ

ถัดจากนั้นก็เป็นคิวของ STARK ซึ่งเดินเรื่องด้วยแต่งบัญชีตั้งแต่ต้นทาง และมีตัวละครเอกที่ชื่อ “ชนินทร์” เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยมีสมุนรับใช้ที่ช่วยจัดการโยกเงินเข้าออก เพื่อทำให้ธุรกรรมเสมือนจริงอย่าง “ศรัทธา” คอยกุมเกมให้อีกที แต่สุดท้ายเรื่องก็แดงจนได้ เพราะแผนตกปลาวาฬไม่สำเร็จเหมือนที่วางไว้ตั้งแต่ต้น ผนวกกับบริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงินพอดี ทุกอย่างเลยพังพินาศอย่างที่เห็นนั่นแหละค่ะ

คล้อยหลังจากนั้นได้ไม่นาน ก็มีเคสของเจ้าแม่นางงาม JKN ให้ชาวบ้านได้เม้าท์สนั่นหวั่นไหว เพราะคุณเธอดันทุ่มเงินหมดหน้าตักเพื่อสนองความต้องการเป็นระดับโลก ซึ่งทำให้คุณเธอเบี้ยวหุ้นกู้แบบดื้อ ๆ ซึ่งตอนแรกก็พร่ำบอกไม่มีปัญหา..ไม่มีปัญหา แต่สุดท้ายก็ไม่มีเงินจ่ายเจ้าหนี้หุ้นกู้ จนทำให้ผู้คนรุมด่าการพลิกลิ้นของคุณหล่อนอย่างเจ็บแสบ โดยตอนนี้บริษัทอยู่ในขั้นของการตั้งผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ และหลายคนกำลังเฝ้าดูว่า  she จะคัมแบ็คเหมือนที่โม้ไว้ได้อ๊ะป่าว?

ต่อจากนั้นก็มีประเด็นร้อนของหุ้น SABUY เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่รายนี้สร้างโมเดลธุรกิจด้วยการถือหุ้นไขว้ เพื่อเป็นการสร้างแวลูเทียมให้นักลงทุนเข้าใจว่า กำไรโตต่อเนื่อง! โดยใช้วิธีสวอปหุ้นกับคนนั้น..คนนี้ และในขณะเดียวกันก็ใช้เงินสดในบริษัท และการออกหุ้นกู้เพื่อไปซื้อกิจการต่าง ๆ เข้ามาอยู่ใต้อาณัติ ซึ่งจะได้บันทึกกำไรเข้ามาทันที แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด เพราะสิ่งที่ทำมันเป็นเกมหุ้นมากกว่าทำธุรกิจจริง ๆ นะจะบอกให้

สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ยกเคสต่าง ๆ ขึ้นมาเม้าท์ในคราวนี้ เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็น “พ่อมดแม่มด” การเงินในตลาดหุ้นไทยมีหลากหลายรูปแบบจริง ๆ และเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นกู้เสียหายยับเยินอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะแต่ละเจ้าที่เอ่ยถึงมีการออกหุ้นกู้ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งจะทำให้การออกหุ้นกู้ต่อจากนี้ น่าจะขายยากอย่างไม่ต้องสงสัย หลังนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจกับตลาดนี้ไงล่ะตัวเอง

ประเด็นทั้งหมดกลายเป็นเผือกร้อนที่ผู้บริหาร ตลท. ต้องออกมาชี้แจงกับสังคมให้สิ้นสงสัย และควรพูดถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นขยายวงกว้างหรือไม่? เพราะวันนี้ผู้คนยังมีอาการสับสนอย่างรุนแรง และยังฉุดความเชื่อมั่นที่มีต่อตลาดหุ้นไทยอีกด้วย ซึ่งเห็นได้จากการลงแรงของผู้สนับสนุนทางการเงินในการทำธุรกิจให้กับอีเออย่าง SCB ก็ทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 103 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.82 พันล้านบาท ล้วนมาจากความกังวลเรื่องตั้งสำรองเจ้าค่ะ

เรื่องราวดังกล่าวยังกระทบชิ่งไปที่ “สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย” หรือ “IOD” แบบเต็ม ๆ เพราะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนากรรมการมืออาชีพ (แต่สิ่งที่เกิดขึ้นดันเป็นการส่งเสริมมิจฉาชีพมากกว่า) และส่งเสริมให้เกิดการกำกับดูแลที่ดี แต่วันนี้เดี๊ยนยังไม่เห็นประธานอย่าง “กุลภัทรา” ออกมาแอคติ้งอะไรสักอย่าง! ทั้งที่ความเชื่อมั่นต่อกรรมการของบริษัทจดทะเบียนลดลงเรื่อย ๆ นะจะบอกให้

วันนี้เลยต้องถามกันตรง ๆ ว่า ตลาดหุ้นจะติดกับดักเรื่องความเชื่อมั่นอีกนานแค่ไหน? และการที่ดัชนีทรุดฮวบลงไปที่ระดับ 1,320.56 จุด ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ 1,327.43 จุด ลบไป 4.61 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.36 หมื่นล้านบาท เป็นการคลายความกังวลต่อข่าวฉาวแล้วจริงเหรอ? เพราะสิ่งที่เดี๊ยนสัมผัสมาเรื่อย ๆ ตลาดหุ้นไทยมีข่าวลบมากเหลือเกิน จนไม่รู้ว่า หวยจะไปออกที่ใครอีกน่ะซี

โมนิก้า: และทีมงาน