เงินทอนตลาดหุ้นไทย

ความดำมืดของตลาดหุ้นไทยถูกเปิดโปงให้สังคมได้ฉุกคิดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสำนักงาน กลต. ได้กล่าวโทษผู้บริหาร EA ทำการไซฟ่อนเงินมากถึง 3.40 พันล้าน


ความดำมืดของตลาดหุ้นไทยถูกเปิดโปงให้สังคมได้ฉุกคิดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษผู้บริหาร EA ทำการไซฟ่อนเงินมากถึง 3.40 พันล้าน ซึ่งเป็นประเด็นที่ลดทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างรุนแรง เพราะแสดงให้เห็นระบบธรรมมาภิบาลเป็นเพียงนามธรรม ซึ่งใคร ๆ ก็สามารถพูดได้ทั้งนั้น แต่การกระทำจริง ๆ อาจเป็นคนละเรื่องกับที่พ่นน้ำลายไว้นะจ๊ะ

เหมือนกับสิ่งที่ “โมนิก้า” ได้ตั้งข้อสังเกตเมื่อวันก่อนไว้ว่า หน่วยงานที่ควรรับผิดชอบเรื่องฉาวมีใครบ้าง? และควรหาวิธีล้อมคอกไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีกอย่างไร? เพราะถ้ามองกันบนความจริงของการทำธุรกิจทั่วไป ทุกคนมักได้ยินเรื่องเงินทอนอยู่เนือง ๆ แต่ช่วงที่ผ่านมาไม่มีคนในเอาเรื่อง “กินในที่ลับ คายในที่แจ้ง” ออกมาโพนทะนา เลยไม่มีใบเสร็จมาเอาผิดไงล่ะคะ

น่าสนใจตรงที่เคสนี้โดนคนเคยรักออกมาแฉละเอียดยิบ แถมสำนักงาน กลต. ยุคใหม่ต้องการกวาดบ้าน จึงเปิดปฏิบัติการไพรีพินาศอย่างเต็มระบบ (เดี๊ยนละงงจริง ๆ ทำไมเจ๊คนก่อนถึงดองเรื่องไว้นาน) และทำให้สังคมเกิดการตื่นรู้มากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับพุ่งเป้าไปที่หุ้นไฟฟ้ามีใครทำเรื่องพรรค์นี้บ้างไหม? และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ตลท. ทริสเรทติ้ง และผู้สอบบัญชีจะเข้าไปดูรายละเอียดในส่วนนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ

ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงไปที่เรื่องเมื่อวันก่อนที่ “โมนิก้า” จัวหัวแนวตั้งคำถามว่า “ใครจะเป็นรายต่อจาก EA” เพราะมีการเม้าท์ถึงวิกฤติศรัทธาเป็นระลอกเช่นกัน พร้อมกับเม้าท์สนั่นหวั่นไหวว่า หุ้นกลุ่มอื่นก็มีลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน ซึ่งกลายเป็นเผือกร้อนชิ้นใหม่ที่หน่วยงานอย่าง IOD ภายใต้การนำของ “กุลภัทรา” ต้องรับหน้าเสื่อเข้าไปกระทุ้งจิตสำนึกของผู้บริหารอีกแล้ว..ไม่เช่นนั้นเขาจะหาว่า เก่งแต่ในตำรานะตัวเอง

เม้าท์ถึงเรื่องใหญ่ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” จำเป็นต้องย้อนรอยเรื่องราวในอดีต ซึ่งเกี่ยวกับโครงการปาล์มอินโดฯ และมีการจ่ายค่านายหน้าสูงกว่าความเป็นจริงถึง 1.20 พันล้าน ก็กลายเป็นคดีทุจริตที่อื้อฉาวสุด ๆ เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นกับ PTT  ทั้งที่เป็นบริษัทใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 45 ปี แต่สุดท้ายผู้บริหารระดับสูงก็มาเกี่ยวข้องกับเงินทอน และยังมีการปกปิดข้อมูลบางอย่างแบบนี้..มันเหมือนหรือต่างกับเรื่องข้างต้นอย่างไร..ลองไปคิดกันดูนะคะ

อีกประเด็นที่เคยเป็นเรื่องร้อน แต่ดันหายเงียบไปสายลม คงเป็นเรื่อง ป.ป.ช. ไต่สวนอดีตผู้บริหาร KTB ปล่อยสินเชื่อให้กับ EARTH โดยไม่เป็นไปตามนโยบายสินเชื่อ และระเบียบปฏิบัติของธนาคาร ซึ่งเป็นเหตุให้ธนาคารได้รับความเสียหายสูงถึงระดับหมื่นล้าน ขณะเดียวกันก็มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้บริหาร “บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ” ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งรวมแล้วมีผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหามากถึง 32 ราย..คุณ ๆ ยังจำกันได้ไหมจ๊ะ

เหล่านี้เป็นเรื่องราวอีกชุดที่ “โมนิก้า” อยากนำมาบอกเล่าเพื่อทำให้เห็นว่า ผู้คนมากมายกำลังถามหามาตรฐานในการให้เครดิตของผู้เกี่ยวข้องในส่วนต่าง ๆ เพราะกำลังสร้างความกังขาใจให้กับผู้คนมากมาย เพราะจนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาให้ความเห็นในเรื่อง “set zero” ระบบทั้งหมดจะเริ่มตรงจุดไหน? หลังเรื่องฉาวที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยกำลังกัดกร่อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศน่ะซี

โดยประเด็นดังกล่าวถูกย้ำหัวหมุดด้วยราคาหุ้น EA ถูกนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ กระหน่ำขายแบบไม่ต้องคิด จนราคาหุ้นติดฟลอร์ตั้งแต่นาทีแรกที่เปิดเทรด ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 9.15 บาท ลบไป 3.95 บาท หรือลงไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 133 ล้านบาท (มีหุ้นเทรดแค่ 16.50 ล้านหุ้น) และมีหุ้นที่ยังรอขายอีกไม่ต่ำกว่า 200 ล้านหุ้นแบบนี้ เดี๊ยนเลยสงสัยว่า หุ้นจะลงอีกหลายฟลอร์นะจะบอกให้

วันนี้เลยต้องตั้งคำถามกับนักลงทุนว่า การแกว่งตัวลงของดัชนีลงมาอยู่ที่ 1,321.31 จุด ลบไป 6.12 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.60 หมื่นล้านบาท เป็นผลมาจากความกังวลในเรื่องที่เม้าท์ให้ฟังในตอนต้นมากน้อยขนาดไหน? ผสานกับวานนี้เห็นหุ้นตัวเล็กตัวน้อยถูกรินขายอย่างหนักตลอดทั้งวัน มันเป็นสัญญาณที่บอกเป็นนัยว่า ตลาดวายจริงไหม? คุณ ๆ ท่าน ๆ ลองกลับไปคิดตรึกตรองกันเอาเองนะออเจ้า

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button