IFEC ผลพวงของการฉ้อฉล

ตลาดหลักทรัพย์ไทยเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้น IFEC หรือ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ติดหุ้นมายาวนานเพราะถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามซื้อขายมาเป็นเวลานานถึง 7 ปี ได้ตัดสินใจขายหุ้นออกตั้งแต่วันที่ 6-25 กรกฎาคมนี้ ก่อนที่จะยุติการซื้อขายหุ้นดังกล่าวในวันที่ 26 กรกฎาคม เป็นต้นไป

คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากตลาดได้รับข้อมูลยืนยันจากทางบริษัทว่าศาลล้มละลายกลางได้ประกาศให้บริษัท IFEC ซึ่งปัจจุบันมีบุ๊กแวลูติดลบ 3.70 บาท ให้กลับเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการอย่างเต็มรูป

การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูในนิยามของศาลล้มละลายกลางคือการที่บริษัทต้องยอมรับว่าบริษัทอยู่ในสภาพล้มละลายและต้องเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ให้แล้วเสร็จเสียก่อน ซึ่งน่าจะกินเวลานานหลายปีและอาจจะกลับมาเทรดในตลาดหุ้นได้ถ้าหากว่างบการเงินใสสะอาดและเป็นบวก  ซึ่งในกรณีของ IFEC นั้นไม่น่าจะเป็นได้  เหตุผลก็เพราะว่าหุ้นดังกล่าวเกิดจากเจตนาที่จะฉ้อฉลมาตั้งแต่ต้นด้วยฝีมือของสองนักลงทุนรายใหญ่คือ นพ.วิชัย ถาวรวัฒนยงค์  และนายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ หรือเสี่ยอ๋า ที่ฉวยโอกาสอาศัยการสร้างสตอรี่ของธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานโซลาร์ด้วยการเข้าซื้อ IFEC ซึ่งเป็นแค่บริษัทขายเครื่องถ่ายเอกสารจากกลุ่มสหพัฒน์ผู้ถือหุ้นเดิม แล้วใช้สตอรี่นี้ปั่นราคาหุ้นโดยการเข้าซื้อโครงการโซลาร์ใหม่ ๆ เข้ามาเสริม

แต่ทั้งหมอวิชัยและเสี่ยอ๋าได้ทำการขายหุ้นของตัวเองในลักษณะทยอยขาย ซึ่งกว่าคนจะรู้ทันก็ผ่านไป 1 ปี จนกระทั่งเรื่องแดงขึ้นมาเมื่อตลาดหุ้นพบว่าทั้งคู่ขายหุ้นจนเหลือหุ้นในมือไม่ถึงคนละ 10%

จากนั้นเรื่องราวของการฉ้อฉลผ่านการซื้อโครงการผลิตโซลาร์ที่แพงเกินจริงพร้อมกับการกล่าวหากันและกันของทั้งสองคนจนกระทั่งถูกตลาดขึ้นเครื่องหมาย SP

และแล้วตำนานของหมอวิชัยผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจกับเสี่ยอ๋านักลงทุนก็ถูกเปิดโปงขึ้นมาในขณะที่ผลประกอบการของ IFEC ติดลบต่อเนื่องจนมีนักลงทุนรายย่อยที่ตกเป็นเหยื่อจำนวนกว่า 3 หมื่นรายที่ติดร่างแหไปกับหุ้น IFEC ที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP มาหลายปี

ถ้าหากว่าหุ้นของ IFEC  ถูกถอดออกจากตลาด โอกาสที่จะได้กลับมาเทรดใหม่ดูจะเป็นไปไม่ได้

ถึงแม้วันนี้นายทวิช เตชะนาวากุล ซึ่งกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นซีอีโอของ IFEC จะประกาศว่าจะไม่ยอมทิ้งหุ้นและเดินหน้าวางแผนฟื้นฟูกิจการพร้อมกับเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับกลุ่มเจ้าหนี้ แต่ก็ไม่ให้หลักประกันที่ชัดเจนว่าบริษัทจะฟื้นตัวอย่างไรในอนาคต

ความหวังที่จะฟื้นฟูกิจการของ IFEC ก็ริบหรี่เต็มที  ผู้ถือหุ้นของ IFEC คงต้องทำใจรับฝันร้ายอย่างไม่มีทางเลี่ยงได้

วิษณุ โชลิตกุล