D ปั๊มลูกค้าต่างชาติดันกำไร!

D ดำเนินธุรกิจให้บริการทางทันตกรรมแบบครบวงจร ในรูปแบบโรงพยาบาลทันตกรรม ศูนย์ทันตกรรมและคลินิกทันตกรรม


คุณค่าบริษัท

บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D ดำเนินธุรกิจให้บริการทางทันตกรรมแบบครบวงจร ในรูปแบบโรงพยาบาลทันตกรรม ศูนย์ทันตกรรมและคลินิกทันตกรรม และประกอบธุรกิจจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทันตกรรม ประเดิมผลงานไตรมาสแรกปี 2567 กำไรดร็อปลง โดยมีกำไรสุทธิ 18.5 ล้านบาท ลดลง 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.2 ล้านบาท

สาเหตุหลักเกิดจากรายได้รวมที่ลดลงประมาณ 14.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6% เนื่องจากลูกค้าคนไทยลดลงจากกำลังซื้อในประเทศทลดลง และรายได้ธุรกิจเทรดดิ้งลดลงจากการชะลองบลงทุนในโรงพยาบาลภาครัฐ รวมทั้งบริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มทำการตลาดออนไลน์และการจัดอีเวนต์ออกบูธ เพื่อสร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์

สิ่งที่น่าสนใจ จากการเปิดดำเนินการของโรงพยาบาลทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH) ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยที่มีรายได้สูง ผู้บริหารชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (Expat) และกลุ่มนักท่องเที่ยว (Tourist) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ช่วยสร้างรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี โดย BIDH มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติสูงถึง 74%

ส่งผลให้ในไตรมาสนี้ D มีรายได้จากลูกค้าต่างชาติในสัดส่วนที่สูงถึง 63% ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากทวีปยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกา เนื่องมาจากประเทศไทยมีชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและไตรมาส 1 เป็นฤดูท่องเที่ยว (High season) ส่งผลให้มีการเดินทางท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเข้ามาใช้บริการทันตกรรมกับกลุ่มบริษัท

อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลงานในไตรมาส 2/2567 จะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากโรงพยาบาล BIDH ซึ่งมี 20 ห้องตรวจ และมีห้องรองรับผู้ป่วยใน (IPD) 4 เตียง ปัจจุบันมีอัตราการใช้งานรวม 33% มีรายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ในเดือนพฤษภาคม 2567 และสาขาบริการอีก 14 แห่ง มีผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาให้บริการอย่างต่อเนื่อง

โดยผู้บริหารมั่นใจว่า ผลงานในครึ่งปีหลังจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก ตามความต้องการ (ดีมานด์) ที่สูงขึ้น

ด้านกลยุทธ์การทำการตลาดจะเน้นเจาะกลุ่มประเทศใหม่ ๆ นอกเหนือจากลูกค้าหลัก ได้แก่ ยุโรป และอเมริกา เช่น กลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และอาหรับ รวมทั้งการเพิ่มโปรแกรมการรักษา

สำหรับยาสีฟัน “Elite Smile” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เปิดตัวเมื่อปลายปี 2566 มีแผนจะรุกเพื่อทำการตลาดให้สินค้าไปสู่ผู้บริโภค หรือ B2C มากขึ้น ทั้งการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด และคอนวีเนียนสโตร์ รวมถึงการขายสินค้าในรูปแบบร้านค้าออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งความหวังที่ช่วยหนุนการเติบโต โดยในปี 2567 ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

ส่วนจะได้หรือไม่ เป็นช็อตที่ต้องติดตามกันต่อไป

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น D ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 19.48 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 17.28 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 2.02 เท่า ก็ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.24 เท่า

Back to top button