TISCO ตั้งสำรองสูง NIM ทรงตัว
TISCO โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 1.สินเชื่อรายย่อย 68% 2.สินเชื่อธุรกิจ 25.6% 3.สินเชื่อธุรกิจ SME 6.3% จากสินเชื่อรายย่อย 68
คุณค่าบริษัท
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 1.สินเชื่อรายย่อย 68% 2.สินเชื่อธุรกิจ 25.6% 3.สินเชื่อธุรกิจ SME 6.3% จากสินเชื่อรายย่อย 68% จำแนกต่อได้เป็น 1.สินเชื่อเช่าซื้อ 44.1% 2.สินเชื่อจำนำทะเบียน 18.2% 3.สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 3.3% 4.สินเชื่อรายย่อยอื่น ๆ 2.4%
TISCO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิ 1,748.99 ล้านบาท ลดลง 5.66% จากไตรมาส 2/2566 แต่เพิ่มขึ้น 0.92% จากไตรมาส 1/2567 ที่มีกำไรสุทธิ 1,733.02 ล้านบาท สอดคล้องกับคาดการณ์ของตลาด แม้ว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก แต่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (non-NII) ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุน (FVTPL) และค่าธรรมเนียมวาณิชธนกิจ (IB) จำนวน 80 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2567 ขณะที่ non-NII ที่สูงขึ้นช่วยกระตุ้นการเติบโตของกำไรจากไตรมาส 1/2567
ขณะที่ผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) กดดันกำไรเมื่อเทียบไตรมาส 2/2566 โดย ECL เพิ่มขึ้น 46.4% จากไตรมาส 1/2567 สอดคล้องกับลูกหนี้ค้างชำระ Stage 2 และ Stage 3 ที่สูงขึ้นจากไตรมาส 1/2567 ที่ 1.6% และ 6.7% ตามลำดับ (NPL ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อเช่าซื้อและจำนำทะเบียน) หลังเศรษฐกิจในประเทศเปราะบางส่งผลต่อคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมของบริษัท
ผู้บริหาร TISCO ยังคงมุมมองที่ระมัดระวังต่อแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์จากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเพิ่มเป้า credit cost เป็นต่ำกว่า 0.70% จากประมาณ 0.50% ในปี 2567 และคาดว่า credit cost จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็น 1% ในปี 2568 แม้ว่าหนี้เสีย (NPL) ในสินเชื่อเงินสดรถยนต์จะสูงขึ้น แต่ TISCO ยังคงเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงต่อไป เนื่องจาก ROA ที่มากกว่าผลิตภัณฑ์เช่าซื้อรถยนต์ใหม่ บล.กสิกรไทย คาดว่า credit cost จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 0.64%/0.90%/1.0% ในปี 2567/2568/2569
หากมองในแง่บวก TISCO คาดว่าต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสหน้าเท่านั้น และค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากการแข่งขันด้านเงินฝากจากธนาคารอื่นได้ลดลง บล.กสิกรไทย คาดว่าอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของ TISCO จะยังคงทรงตัวในไตรมาส 3/2567 และจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 4/2567 จนถึงปี 2568 จากอัตราผลตอบแทนสินเชื่อที่คาดว่าจะสูงขึ้น สินเชื่อรวมของ TISCO ชะลอตัว 0.8% จากไตรมาส 1/2567 และลดลง 0.6% จากสิ้นปี 2566 ขณะที่ NIM ทรงตัวที่ 4.8% TISCO คุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น โดยอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ลดลงเหลือ 47.6% จาก 48.1% ในไตรมาส 1/2567 ในช่วงที่ credit cost มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผู้บริหารมีแผนที่จะใช้มาตรการควบคุมต้นทุนเพิ่มเติมเพื่อลดอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ในปี 2567-2568 เพื่อลดผลกระทบต่อกำไรของบริษัท
ข้อมูลจาก LSEG Consensus สำหรับ TISCO ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2567 ที่ 19,455.53 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 6,885.82 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 100.50 บาท จาก 17 โบรกเกอร์
บล.กสิกรไทย ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567-2569 ของ TISCO ลง 2%/4%/3% มาเป็น 6.7/6.5/6.65 พันล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากปรับประมาณการ credit cost ขึ้น 0.11% และ 0.08% ในปี 2567-2568 และลดสมมติฐาน NIM ลงเล็กน้อยที่ 0.09% และ 0.12% ในปี 2568-2569 เพื่อสะท้อนการเติบโตที่ช้าลงของแนวโน้มสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง ด้านบล.หยวนต้า คาดว่า TISCO จะมีกำไรสุทธิในปี 2567 จำนวน 6,868 ลบ. ลดลง 6% จากปี 2566 และคาดกลับมาโต 5.2% ในปี 2568
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น TISCO ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 16 ก.ค. 2567 ที่ 95 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 10.50 เท่า สูงกว่า P/E กลุ่มธนาคารที่ 7.02 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น TISCO อยู่ที่ 1.72 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มธนาคารที่ 0.59 เท่า