เล่นหุ้นอะไรดี ?

คำพูดของมิตรสหายที่ “โมนิก้า” รู้จักในแวดวงตลาดหุ้นตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ ล้วนพึมพำไปในทางเดียวกันว่า “เล่นหุ้นอะไรดี..เล่นหุ้นอะไรดี”


คำพูดของมิตรสหายที่ “โมนิก้า” รู้จักในแวดวงตลาดหุ้นตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ ล้วนพึมพำไปในทางเดียวกันว่า “เล่นหุ้นอะไรดี..เล่นหุ้นอะไรดี” กันทั้งนั้น จนเดี๊ยนไม่สามารถเอาคำพูดดังกล่าวออกไปจากหัวอีฉันได้เลย และยังเป็นเรื่องที่ทำให้เดี๊ยน “กินไม่ได้ นอนไม่หลับ” เป็นเวลาหลายวัน เพราะไม่สามารถหาทางออกของปัญหาดังกล่าวได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไงล่ะคะ

ประกอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมีแต่ปมปัญหาสารพัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธรรมาภิบาล ปัญหาการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ล้วนเป็นเรื่องที่ทำให้นักลงทุนจิตตกกันเป็นแถว เพราะทันทีที่ตลาดหุ้นไทยทำท่าจะไปได้สวยทีไร มักมีเรื่องทำให้นักลงทุนต้องสาดหุ้นทิ้งเป็นประจำ ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้รายย่อยจุกอกไปตาม ๆ กัน เพราะเข้าซื้อราคาที่ถูกสุด ๆ ก็ยังมีราคาที่ถูกกว่าให้เห็นอีกพะย่ะค่ะ

ล่าสุดก็มีความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาเป็นประธานาธิบดีของ “ทรัมป์” จะมีการตั้งกำแพงภาษีเป็นเท่าตัว เพื่อประกาศสงครามการค้ากับประเทศจีนเต็มรูปแบบ เลยตีความได้ว่า หญ้าแพรกจะแหลกลาญแบบนี้! เป็นใครก็ต้องทิ้งหุ้นหนีตายกันทั้งนั้น และเป็นแรงกดดันที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นไม่ได้ ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,317.14 จุด ลบไป 7.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.77 หมื่นล้านบาทเจ้าค่ะ

ขนาดหุ้นแบงก์ตราดอกบัว BBL สามารถทำกำไรดีกว่าที่คาดการณ์ ยังถูกกระหน่ำขายด้วยเหตุผลตั้งสำรองเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ และกังวลกันว่า ไตรมาส 3 จะตั้งเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะทำให้กำไรพลาดเป้าแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะทุกคนมีความคิดไปในแนวนี้เหมือนกันทั้งนั้น จึงเข้าใจเหตุผลที่ราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ 132.50 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 3.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.55 พันล้านบาทนะออเจ้า

เช่นเดียวกับในรายของพ่อดอกมะลิ JAS ก็ชอบมาในลักษณะ “หลอกให้อยาก แล้วจากไป” เป็นประจำ ราคาหุ้นเลยสวิงสวายจนจับทางไม่ถูก “ขึ้นจริง” หรือ “ขึ้นหลอก” เพราะที่ผ่านมาชอบพาคนไปเที่ยวดอยบ่อยมาก และการที่หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 3.28 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 2.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 395 ล้านบาท ทั้งที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการประกาศซื้อหุ้นคืนในราคาหุ้นละ 5 บาทแบบนี้..มันคืออิหยัง!

หากนักลงทุนยังงงไม่พอ และต้องการเพิ่มความงง “โมนิก้า” ขอพาไปทัวร์ KKP ซึ่งเป็นหุ้นที่ไหลลงแบบไม่มีดิสเบรก เพราะถ้าเทียบกับหุ้นแบงก์รายอื่น ๆ จะเห็นว่า หุ้นแบงก์รายอื่นพยายามตั้งลำ และพยายามตั้งฐานตลอดเวลา แต่หุ้นรายนี้กลับหาฐานไม่เจอ เดี๊ยนเลยกังวลว่า การยืนปิดที่ระดับ 41 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 5.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 787 ล้านบาทอาจไม่ใช่จุดต่ำสุดของเที่ยวนี้ เพราะกำไรก็ลด หนี้เสียก็พุ่งเจ้าค่ะ

ย้อนกลับมาดูหุ้นเล็ก ๆ กันบ้างดีกว่า เพราะบรรยากาศที่ไม่เป็นใจส่งผลให้หุ้นหลายตัวเสียขบวนไปหลายราย และหนึ่งในนั้นก็มี JPARK ภายใต้การเข้ามาถือหุ้นของ 2 เสี่ยใหญ่ กลับทิ้งตัวลงแรงเป็นเวลาร่วมสัปดาห์ จนล่าสุดลงมายืนอยู่ที่ระดับ 6.15 บาท ลบไป 0.95 บาท หรือลงไป 13.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 202 ล้านบาท ทั้งที่ต้นสัปดาห์ก่อนยืนอยู่แถว 8.50 บาทแบบนี้..เดี๊ยนถึงกับต้องอุทานว่า โอ้มายก๊อด!

อีกรายที่ลงด้วยวอลุ่มแห้ง ๆ แต่ลงแบบขั้นบันได “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น RBF เป็นรายถัดมา ซึ่งเป็นผลมาจากราคาหุ้นยังตั้งฐานไม่ได้สักที แถมมีแรงขายออกมาเป็นระลอก เลยกลายเป็นหุ้นที่ตกอยู่ในภาวะสุญญากาศที่เด้งไปเด้งมา และการที่หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 7.65 บาท ลบไป 0.65 บาท หรือลงไป 7.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 74 ล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลเหลือเกินจ้า!

ตบท้ายที่หุ้น GUNKUL เพื่อชี้ให้เห็นอาการอ่อนระทวยแบบนี้ ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดครั้งแรก แต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเกือบ 4 เดือน โดยเป็นลักษณะเคลื่อนตัวแบบ W-Shape ในกรอบราคา 2.42-2.66 บาท “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 2.46 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67 ล้านบาท เหมาะต่อการเข้าไปสวนกระแสขนาดไหน? เพราะสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเที่ยวนี้มันแปร่งๆ ชอบกลน่ะซี

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button