หุ้นอย่าง BBL

แม้โดยภาพรวมของตลาดยังติดลบอยู่จากแรงขายทำกำไรของบรรดากองทุนและฟันด์โฟลว์ ประกอบกับค่าเงินเยนที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าดอลลาร์สหรัฐในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียผันผวน ยกเว้นในตลาดหุ้นบอมเบย์ยังเป็นบวกจากการที่ตลาดอินเดียได้รับข่าวดีจากการที่รัฐบาลได้ประกาศงบประมาณแผ่นดิน  แต่หุ้นธนาคารพาณิชย์ของไทยอย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ก็บวกสวนตลาดขึ้นมาด้วย เนื่องจากผลประกอบการไตรมาสสองยังคงเดินหน้าเป็นบวกด้วยตัวเลขกำไรสุทธิ 1.18 หมื่นล้านบาท ดีกว่าปีก่อน 2% และมากกว่าไตรมาสที่ผ่านมา 14%  โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ต้นทุนการดำเนินการลดลง 4%  ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์คาดเดาว่าราคาเป้าหมายของปีนี้น่าจะอยู่ที่ 166 บาท จากราคาปัจจุบันที่ 133 บาท

ราคาเป้าหมายดังกล่าวถือว่ายังต่ำกว่าบุ๊กแวลูที่ระดับ 240 บาท แต่ก็ถือได้ว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างจะดีจากผลพวงของผลประกอบการที่ยังคงโดดเด่นหลังยุคโควิด-19 ผ่านไป

หุ้น BBL ถือว่าเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการโดดเด่นตั้งแต่ปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงปีนี้ หลังจากที่ผลประกอบการของธนาคารเองและผลประกอบการของธนาคารลูกในอินโดนีเซียได้ผลตอบแทนการลงทุนเป็นกอบเป็นกำเนื่องจากการฟื้นตัวของลูกค้าธนาคารกลับมามีความคึกคักจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ในธุรกิจส่งออกและท่องเที่ยว

พัฒนาการที่เป็นโดดเด่นที่สุดในมุมมองของนักวิเคราะห์คือ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้จะเพิ่มขึ้น 8% จะเห็นได้ว่า BBL พยายามปรับปรุงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อลดความผันผวนและเพิ่มประสิทธิภาพค่าใช้จ่าย ซึ่งสะท้อนให้เห็นในการลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนของค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แม้ว่าธนาคารยังคาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะเพิ่มขึ้น 44.1% ในไตรมาสที่สอง และในไตรมาสที่สี่จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าไตรมาสที่สองเพราะเป็นช่วงที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูง ผู้บริหารเชื่อว่าความผันผวนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในความกังวลหลักของตลาดควรจะต่ำกว่านี้

ความเยี่ยมยอดของผู้บริหารในการควบคุมต้นทุนน่าจะส่งผลดีในไตรมาสที่สามหรือสี่ แค่นี้ก็คงจะเพียงพอสำหรับการตัดสินใจของนักลงทุนในการเข้าซื้อและถือหุ้น BBL

วิษณุ โชลิตกุล