กองทุนขาย ฝรั่งซื้อ/เกิดอะไรกับ SCC

วานนี้ดัชนีปิดลบร่วงลงมาต่ำกว่า 1,300 จุดอีกครั้งนั้น ไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดหมายของนักวิเคราะห์และนักลงทุนเท่าไหร่นัก


วานนี้ดัชนีปิดลบร่วงลงมาต่ำกว่า 1,300 จุดอีกครั้งนั้น

ไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดหมายของนักวิเคราะห์และนักลงทุนเท่าไหร่นัก

เพราะหากดูสัญญาณทางเทคนิค

จะพบว่า การปรับขึ้นมายืนเหนือ 1,300 จุด ในรอบล่าสุดนั้น กราฟไม่สามารถผ่านแนวต้านที่บริเวณ 1,330 จุดได้

จากนั้น กราฟค่อย ๆ ปักหัวลง

และมาลงแรงเมื่อวันก่อนหน้าปิดลบไป 15.60 จุด

ส่วนวานนี้ลบอีก 3.46 จุด (ปิด 1,298 จุด)

ในทางเทคนิค ดัชนีหุ้นไทยยังปรับลงมาได้อีก และน่าจะมีแนวรับสำคัญที่ 1,285 จุด

หากย้อนกลับไปดูกราฟก่อนหน้านี้

ดัชนีที่ลงมาแถว ๆ 1,285-1,280 จุด จะเห็นแรงซื้อกลับทุกครั้ง

ส่วนรอบนี้ยังต้องมาจับตาดูว่า จะเด้งเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้หรือเปล่า

ยังมีประเด็นน่าสนใจเพิ่มเติม

นั่นคือ การปรับลงมาในรอบมาจากแรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน หรือบรรดากองทุนต่าง ๆ

เพราะกองทุนได้ขายหุ้นไทยมาแล้ว 9 วันติดต่อกัน

สวนทางกับนักลงทุนต่างประเทศที่ซื้อหุ้นไทย 5 วันติดต่อกัน

ต้องมาจับตาดูกันว่า แรงชักเย่อของนักลงทุนสองกลุ่มนี้ต่อไปจะเป็นอย่างไร

หากจะถามว่า มีโอกาสไหมที่ทั้งกองทุนและต่างชาติจะจับมือ แล้วไล่ซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องแบบแรลลี่กันสนุกสนาน

คำตอบคือ “ยาก”

ปรากฏการณ์นี้นาน ๆ เราจะเห็นสักครั้ง

ส่วนใหญ่จะผลัดกันซื้อและขายแบบที่เห็นกันนี่แหละ

เหตุผลที่กองทุนขายนั้น

มีความเป็นไปได้ที่อาจจะ “ขายทำกำไร” หลังจากเข้าไปรับของจากต่างชาติมาก่อนหน้านี้

ส่วนเหตุผลอื่นยังมองไม่เห็น และคิดว่าไม่มี

เพราะเหตุผลเดียวในการขายหุ้นของนักลงทุนในตลาดหุ้นก็คือ “กำไร” นั่นแหละ ไม่ต้องไปหาเหตุ (อื่น ๆ) มาใส่ผลให้เสียเวลา

แนวโน้มวันนี้ ดัชนีอาจปรับตัว หรือเด้งขึ้นทางเทคนิคได้

มีคำแนะนำจากนักวิเคราะห์สายเทคนิคว่า หากใครติดหุ้นอยู่แบบไม่ได้เยอะมาก เมื่อดัชนีดีดขึ้นมา ถือเป็นจังหวะ “หนี” หรือไม่ก็ตัดขาดทุนออกไปก่อน

ส่วนใครติดอยู่หลายช่อง อาจจะต้องไปรอซื้อถัวเฉลี่ยที่บริเวณ 1,280 จุด +/-

มาถึงหุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC

วานนี้แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2567

กำไรวูบเหลือเพียง 3,708 ล้านบาท ลดลง 54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เหตุผลที่ SCC แจ้งมาถึงเหตุที่กำไรลดลงมาจาก SCGC มีผลการดำเนินงานลดลง เป็นผลมาจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายของโรงงานปิโตรเคมีที่เวียดนาม (LSP Complex) และส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง

ส่วนกำไรสำหรับงวด 6 เดือนอยู่ที่ 6,133 ล้านบาท ลดลง 75%

หากย้อนกลับไปดูงบการเงินของ SCC หลายปีก่อนหน้านี้จะพบว่า

ปี 2565 กำไร 21,382 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 54.67%

ปี 2566 กำไร 25,914 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 21.19%

แต่เมื่อดูกำไรในปี 2565-2566 แล้วไปเทียบกับกำไรของ SCC ปีก่อนหน้านี้จะพบว่า ส่วนใหญ่กำไรจะอยู่ระดับ 3.5-4.8 หมื่นล้านบาท

เหตุผลหลัก ๆ ที่กำไรลดลง ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจปิโตรเคมี

เช่นเดียวกับราคาหุ้นของ SCC ที่เคยอยู่ระดับ 500 บาท +/- ในช่วงปี 2561-2562 ได้ปรับลดลงมาเรื่อย ๆ

หลุด 400 บาท, หลุด 300 บาท

และล่าสุดวานนี้ราคาปิด 224 บาท

และยังไม่แน่ใจว่าจะร่วงหลุด 200 บาท หรือไม่

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button