พาราสาวะถี
ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนใด ๆ กับบทเพลง “คิดถึงลุงตู่” เหมือนที่ ทักษิณ ชินวัตร ย้อนถามนักข่าว ใครเป็นคนเปิด บทสรุปของอดีตนายกรัฐมนตรี
ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนใด ๆ กับบทเพลง “คิดถึงลุงตู่” เหมือนที่ ทักษิณ ชินวัตร ย้อนถามนักข่าว ใครเป็นคนเปิด บทสรุปของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นองคมนตรีแล้ว “ท่านไม่กลับมาการเมืองแล้ว อันนี้อย่าไปทำให้ท่านเสีย” เป็นการยืนยันบทบาท หน้าที่ที่บิ๊กตู่ต้องอาจจะข้องแวะกับการเมืองได้ ไม่ว่าจะมิติใดก็ตาม ขณะเดียวกัน ก็อธิบายได้ว่า การเมืองในปัจจุบันเป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่างใคร กับอะไร ซึ่งไม่ใช่แค่พรรคการเมืองที่ขับเคี่ยวกันตามหนทางปกติเท่านั้น
นับตั้งแต่การก่อกำเนิดพรรคอนาคตใหม่ กระทั่งถูกกำจัด มาจนถึงชัยชนะของก้าวไกลแต่ไม่สามารถที่จะตั้งรัฐบาลได้ และมีแนวโน้มว่าชะตากรรมน่าจะเดินย่ำรอยพรรคที่เคยเป็นฐานรากของพรรคสีส้มมาจนถึงทุกวันนี้ มันย่อมเป็นภาพสะท้อนว่า ความพยายามของฝ่ายอนุรักษนิยมสุดโต่ง ที่เคยวางแผนไล่บี้ ช่วงชิง และทำลายประชานิยม พรรคการเมืองในเครือข่ายของระบอบอุปโลกน์ทักษิณให้ย่อยยับ ได้เปลี่ยนแนวรบไปอย่างสิ้นเชิง
พรรคเพื่อไทยปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องการกลับคืนสู่อำนาจบริหารประเทศ เพราะยังเชื่อมั่นประสิทธิภาพ และผลงานที่เคยทำได้ในอดีต ขณะที่พวกอนุรักษนิยมสุดโต่งก็เห็นแล้วว่าการไล่เบี้ยเอาผิด และปลุกผีทักษิณมาหลอกหลอนคนไทยกว่า 10 ปีที่ผ่านมานั้น เป็นการเดินที่ผิดทิศผิดทาง มุ่งแต่ที่จะเสือกไสขับไล่ให้นายใหญ่และพรรคพวกพ้นไปจากเส้นทางแห่งอำนาจ แต่ลืมไปว่าความท้าทายใหม่ที่จะสะเทือนต่อความคงอยู่ของระบอบที่ตัวเองยึดมั่นนั้น ไม่ใช่ทักษิณและพรรคที่ปลุกปั้นมาแต่อย่างใด
ดังนั้น คำตอบที่ได้จากการให้สัมภาษณ์ในงานวันเกิดครบรอบ 75 ปีของทักษิณ จึงชัดเจนว่า ตำแหน่ง หัวโขนทั้งหลายที่ต่างคาดหมายกันว่าจะรับ หลังได้รับอิสรภาพพ้นความผิดในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ไปแล้วนั้น จึงจะเป็นเพียงที่ปรึกษาของ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่ได้แสดงบทบาทการนำในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้อย่างเด่นชัด และเด็ดขาดขึ้นตามลำดับ เป้าหมายจึงอยู่ที่การนำพาพรรคเพื่อไทยกลับมายิ่งใหญ่อีกคำรบ
ความจริงบทบาทของทักษิณเมื่อพ้นโทษถูกขีดไว้แล้วคือ สร้างความปรองดอง เพื่อให้การเมืองแข็งแรง และบ้านเมืองเดินหน้าได้ ตามแนวทางของดีลพิเศษที่ตกลงกันไว้นั้น ต่างมองเห็นว่าศึกนอกถือเป็นเรื่องใหญ่หลวง ดังนั้น ศึกภายในอาจฟาดฟันกันได้แต่ให้อยู่ในกรอบ ต้องใช้ความสามัคคีเป็นตัวนำ พอถือธงมาแบบนี้ ฝ่ายที่จ้องจะสร้างให้การเมืองเกิดความขัดแย้งจึงต้องคิดหลายตลบ เพราะโจทย์ที่นายใหญ่ได้รับ เป็นเรื่องเดียวกันกับที่บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายถูกสั่งมาเหมือนกัน
เรื่องปฏิญญาเขาใหญ่ เหมือนที่ทักษิณว่าปฏิญญาฟินแลนด์เคยสร้างปัญหา และความวุ่นวายให้กับตัวเองมาแล้ว จนสุดท้ายได้ผ่านการพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมว่า เป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย หนนี้ก็เช่นเดียวกัน การพบกับ อนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมด้วยนักธุรกิจด้านพลังงานของประเทศ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมองกันไปในมิติข้อตกลงทั้งทางการเมือง และธุรกิจ แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องอย่าลืม อะไรที่เป็นความลับ หรือมีวาระซ่อนเร้น ไม่มีทางที่นักเลือกตั้งมืออาชีพระดับนี้จะทำให้ปรากฏเป็นข่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวของสภาสูงที่เป็นไปด้วยความคึกคัก อันเนื่องมาจาก สว.ส่วนใหญ่มีสังกัดสายสีน้ำเงินนั้น ไม่ได้ทำให้รัฐบาล เพื่อไทย และนายใหญ่หวั่นไหวแต่อย่างใด การต่อรองทางการเมือง ตราบใดยังอยู่บนเส้นทางที่ว่าสมประโยชน์กันทุกฝ่ายไม่จำเป็นที่จะต้องวิตก หรือคิดที่จะแก้ไข แก้เกมของอีกฝั่ง ความจริงบิ๊กแม้วกับเสี่ยหนู ต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย การเดินเกมเพื่อสร้างมูลค่าในการต่อรองของกุนซือใหญ่พรรคสีน้ำเงิน เป็นมิติที่จะต้องทำ
การต่อรองโดยอาศัยกลไกของฝ่ายนิติบัญญัติมาเป็นเครื่องมือนั้น ก็สามารถใช้ได้ในบางกรณีเท่านั้น โดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมายสำคัญที่ฝ่ายรัฐบาลต้องการเสียงสนับสนุน แต่อำนาจฝ่ายบริหารหาก เศรษฐา ทวีสิน ได้ไปต่อ การกุมเสียงข้างมากในสภาสูง ก็ไม่สามารถที่จะสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลได้ เพราะอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ตัวผู้นำ หากบีบมากเกินไป ถ้าฝ่ายพรรคแกนนำและนายกฯ ตัดสินใจที่จะปิดเกม ก็จบเห่กันทุกฝ่าย ขึ้นชื่อว่าสนามเลือกตั้งไม่มีใครการันตีได้ว่าจะมีโอกาสกลับมาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ดังนั้น ในจังหวะที่ทุกฝ่ายในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ยังสามารถที่จะดูแลผลประโยชน์เฉพาะร่วมกัน ไม่ว่าจะพรรคพวกหรือตัวเองได้ ย่อมไม่มีเหตุจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องไปหักหาญ หรือพลิกเกมเพื่อหวังจะได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เว้นเสียแต่ว่าเกิดกรณีเศรษฐาถูกศาลรัฐธรรมนูญเขี่ยตกเก้าอี้ ก็จะเป็นอีกบริบทหนึ่งที่ต้องติดตามกันใกล้ชิด ประเภทพลิกขั้วอีกรอบยังน่าจะเป็นหนทางที่เกิดได้ยากที่สุด ยังมีโจทย์ว่าด้วยการยุบพรรคก้าวไกล และการกว้านซื้อตัวงูเห่าด้วยว่า เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่
หากจับอาการจากความเคลื่อนไหวล่าสุดของทักษิณตั้งแต่การไปพักผ่อนที่เขาใหญ่ กระทั่งผ่านการจัดงานวันเกิด แสดงให้เห็นถึงบารมีที่ยังอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ไม่ใช่ผู้มากบารมีที่มุทะลุ เหลิงอำนาจ ท้าทายเหมือนก่อนที่จะถูกยึดอำนาจเมื่อปี 2549 ทุกท่วงท่า ทุกทำนองของจังหวะก้าว เต็มไปด้วยความรอบคอบ เหมือนผ่านการตกผลึกหรือพูดคุยกับผู้มีบารมีที่เหนือกว่าตัวเองอีกขั้น จึงไม่ก่อให้เกิดแรงหมั่นไส้ หรือสร้างแรงกระเพื่อมใด ๆ ตามมา ท่าทีเช่นนี้เหมือนคนมีของที่ทำให้ฝ่ายซึ่งคิดจะต่อกรต้องคิดกันหลายตลบ
คนที่อยู่ใกล้ชิดนายใหญ่ในอดีตยังยอมรับว่า จังหวะก้าวทางการเมืองสำหรับคนบ้านจันทร์ส่องหล้าไม่ได้เหมือนเดิม ไม่ใช่เพราะเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ไม่แลนด์สไลด์อย่างที่หวัง หากแต่เป้าหมายสำคัญของทักษิณ นอกเหนือจากพาพรรคของตัวเองกลับมายืนอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นแล้ว ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้น้องสาวสุดรัก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้โอกาสกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดให้ได้ การถูกปรามาสว่าหมดน้ำยา สิ้นมนต์ขลัง เป็นเรื่องที่เจ็บปวดไม่น้อยสำหรับคนที่เคยได้ชื่อว่านายกฯ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่เพื่อเป้าหมายใหญ่พี่ชายที่แสนดีทนได้ และจะทนให้ถึงที่สุด
อรชุน