การเมืองไทยเดือนสิงหาคม 2567
มีคนบอกว่าเดือนสิงหาคมปีนี้จะมี 3 เหตุการณ์ที่จะทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างที่ไม่มีทางหวนกลับมาได้อีก
มีคนบอกว่า เดือนสิงหาคมปีนี้จะมี 3 เหตุการณ์ที่จะทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างที่ไม่มีทางหวนกลับมาได้อีก นั่นคือ
1.วันที่ 7 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยที่ กกต. เสนอให้ยุบพรรคก้าวไกล
2.วันที่ 14 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยเรื่องการปลดนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งตามคำร้องของวุฒิสมาชิกจำนวนหนึ่งในความผิดจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทั้งที่มีมลทินในคดีคอร์รัปชัน
3.วันที่ 22 สิงหาคม นายทักษิณ ชินวัตร จะได้รับใบบริสุทธิ์จากศาลหลุดพ้นจากคดีทางการเมืองทุกคดี
ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้ เหตุการณ์แรกมีความหมายมากที่สุดเพราะผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายยืนยันไว้แล้วว่าไม่รอดแน่ พรรคก้าวไกลจะโดนยุบพรรคแน่นอน เพื่อยื้อเวลาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับแกนนำของพรรค โดยผู้บริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองและส่งมอบแนวคิดให้คนรุ่นใหม่ต่อไป ซึ่งพวกเขาจะถูกด้อยค่าว่าเป็นเด็กฟันน้ำนมหรือเด็กอมมือ อันเป็นงานถนัดของพวกอนุรักษนิยม
ส่วนเหตุการณ์ในข้อ 2 กรณีนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน กูรูฟันธงว่านายวิษณุ เครืองาม เนติบริกรชื่อดังในฐานะที่ปรึกษาใหญ่น่าจะหาช่องทางให้รอดได้
สำหรับเหตุการณ์ที่สาม เรื่องนายทักษิณ ชินวัตร นั้นได้รับการคาดหมายว่าคงจะไม่หยุดนิ่งอยู่แค่นี้ และเขาคงจะแสดงบทบาทชี้นำนโยบายทางการเมืองตามสไตล์ “มีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้” และครอบงำการเมืองไทยได้อย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขาสามารถนำนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวกลับมาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทยแทนที่อุ๊งอิ๊งที่อ่อนหัดทางการเมืองได้สำเร็จ
ประเด็นเรื่องการยุบพรรคก้าวไกล และการเข้ามามีบทบาททางการเมืองของทักษิณ ด้วยยุทธศาสตร์สู้ไปกราบไป ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญของยุคสมัย เมื่อฝ่ายอนุรักษนิยมแสดงอำนาจทางการเมืองโดยประสานกับกลุ่มทุนผูกขาด กดพลังที่ก้าวหน้า ในขณะที่กองทัพต้องถอยร่นไปเป็นกองหนุนที่สำคัญ สถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทยน่าจะทำให้เกิดความอึดอัดของพลังก้าวหน้าที่ต้องจัดรูปขบวนใหม่ในการต่อสู้ ในขณะที่กลุ่มทุนต่างชาติอย่างจีนและสหรัฐฯ มีบทบาทชี้นำการเมืองไทยน้อยลงแม้จะมีผลประโยชน์โยงใยลึกซึ้งมากขึ้น
วิษณุ โชลิตกุล