แสงสว่างปลายอุโมงค์ของ EA

วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” มีโอกาสได้เม้าท์ถึงหุ้น EA แบบถึงแก่นเนื้อในของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ยังมองไม่เห็นทางที่จะทำให้บริษัทหลุดพ้นจากปัญหาหนี้สิน


วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” มีโอกาสได้เมาท์ถึงหุ้น EA แบบถึงแก่นเนื้อในของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ยังมองไม่เห็นทางที่จะทำให้บริษัทหลุดพ้นจากปัญหาหนี้สิน แต่ทันทีที่เริ่มมีการเจรจายืดหนี้อย่างเป็นทางการ พร้อมกับทยอยเปิดแผนใช้หนี้ออกมาทีละขั้นตอน ก็ทำให้นักลงทุนเริ่มมองเห็นโอกาสฟื้นชีพของหุ้นตัวนี้อีกครั้ง พร้อมกับมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรรอบใหม่พะย่ะค่ะ

ถามว่า ทำไมเดี๊ยนถึงเชื่อจะเป็นเช่นนั้น! ก็ขอตอบกลับทันทีว่า ก่อนหน้านี้ก็ไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้เริ่มเห็นพัฒนาการต่าง ๆ ที่ออกมาเป็นรูปธรรมมากขึ้น เลยมองว่าทุกอย่างจะดีขึ้นในไม่ช้า โดยเฉพาะประเด็นของการยืดตั๋วบีอีที่มีจำนวนสูงถึง 1,160 ล้านบาท พร้อมกับเงื่อนไขจ่ายดอกเบี้ย 5% และทยอยชำระคืนในเวลา 3 ปี ก็ทำให้บริษัทหายใจได้คล่องขึ้นกว่าเดิมไงล่ะจ๊ะ

ส่วนประเด็นของหุ้นกู้ที่มีหลายหมื่นล้าน ก็มีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อใช้วิธียืดหนี้และเพิ่มดอกเบี้ยให้เหมือนกัน และเชื่อว่า ผู้ถือหุ้นกู้จะอนุมัติให้ใช้แนวทางนี้ในการแก้ปัญหา เพราะอย่างน้อยก็มีรายได้จากการขายไฟเข้ามาในบริษัทเดือนละพันล้าน และเงินในส่วนนี้จะถูกเจียดมาแบ่งให้กับเจ้าหนี้ต่าง ๆ “โมนิก้า” เลยมองสถานการณ์ตรงนี้ทำให้บริษัทขยับตัวได้ดีขึ้น และมีเวลาหาเงินมาแก้ปัญหาในระยะเวลา 10 เดือนนะคะ

สำหรับมูลหนี้ที่บริษัทแบกไว้ทั้งหมดในไตรมาส 1 มีทั้งหมด 6.98 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของหนี้สินระยะสั้นจำนวน 2.28 หมื่นล้านบาท และในส่วนดังกล่าวเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 8.35 พันล้านบาท ซึ่งยังมีส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปีอีกจำนวน 5.65 พันล้านบาท รวมถึงมีหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปีอีกจำนวน 5.49 พันล้านบาทนะตัวเอง

ตรงนี้แหละที่ทำให้ EA ขาดสภาพคล่องในการดำเนินงาน แต่ถ้ามีการยืดหนี้ออกไปทั้งหมด น่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายไปได้บางส่วน (ถ้าผู้ถือหุ้นกู้ยอมให้ยืดหนี้) แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีหนี้สินระยะยาวอีกเป็นจำนวน 4.69 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ในรูปเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน 17.05 หมื่นล้านบาท และหุ้นกู้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 2.56 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนนี้ยังมีเวลาในการจัดการเจ้าค่ะ

ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้บริษัทต้องเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการขายไทย สมายล์ บัสที่ถือหุ้นอยู่ 100% ออกไปทั้งหมด หรือจะขายบางส่วน ซึ่งตามคำบอกเล่าของแมงลือจะได้เงินราว ๆ หมื่นล้าน และในส่วนที่สองก็คือตั้งกองอินฟราฟันด์ โดยเอาโรงไฟฟ้านครสวรรค์ กับลำปางเข้ามาอยู่ในกองทุนดังกล่าว ก็จะได้เงินอีกราว ๆ หมื่นล้าน และหากทำได้จริงเหมือนที่ว่าไว้ ก็จะทำให้บริษัทพ้นวิบากกรรมครั้งนี้ไปได้นะจะบอกให้

ส่วนออปชันสุดท้ายที่ดูแล้วยากหน่อยก็คือเพิ่มทุน เพราะในห้วงเวลานี้คงไม่มีใครอยากเข้าไปร่วมหัวจมท้ายกับ EA สักเท่าไหร่? ผนวกกับก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาเป็นระลอกก่อนที่จะมีการกล่าวโทษจาก ก.ล.ต. จึงทำให้ผู้คนเกิดอาการแหยงกันเป็นแถว และทำให้สองทางเลือกแรกดูดีสุดในสายตาคนทั่วไป โดยเฉพาะการเอาโรงไฟฟ้ามาตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน น่าจะทำให้คนที่ซื้อหน่วยลงทุนรู้สึกสบายใจกว่านะตัวเอง

สรุปสุดท้ายก็ต้องดูที่ว่า แผนที่จะทำแต่ละขั้นจะสำเร็จไหม? และในระหว่างนี้ราคาหุ้น EA ก็คงไร้ทิศทางต่อไปเรื่อย ๆ เพราะนักลงทุนอยากเห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมมากกว่าที่เป็นอยู่ และการที่ราคาหุ้นกวัดแกว่งตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงมาปิดที่ระดับ 3.64 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 4.71% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 482 ล้านบาท โดยวันก่อนทำโลว์ไว้ที่ระดับ 3.10 บาท น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจว่า สงครามยังไม่จบ..อย่าเพิ่งนับศพนะออเจ้า

ส่วนบรรยากาศของตลาดหุ้นไทยก็คงวนเวียนไปมาแบบนี้อีกนาน เพราะในมุมผลงานของบริษัทจดทะเบียน ก็ยังไม่มีอะไรที่ทำให้ร้องว้าว! ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเล่นสั้น ๆ กันเป็นประจำ และมีตัวพลิกเกมอยู่ที่ท่าทีของ “กองทุน” กับ “ต่างชาติ” โดยมีปัจจัยชี้นำท่าทีดังกล่าวจากอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศ นักลงทุนเลยเข้าใจเหตุผลที่ดัชนีลงมายืนปิดที่ระดับ 1,313.08 จุด ลบไป 9.67 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.47 หมื่นล้านบาท..อิอิอิ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button