Black Monday! หนีหรือทยอยเก็บ?

แล้วก็เกิดขึ้นอีกจนได้กับปรากฏการณ์ “จันทร์ทมิฬ” หรือ Black Monday ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ลงมาปิดลบ 38.41 จุด มาที่ 1,274.67 จุด


แล้วก็เกิดขึ้นอีกจนได้กับปรากฏการณ์ “จันทร์ทมิฬ” หรือ Black Monday

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ลงมาปิดลบ 38.41 จุด มาที่ 1,274.67 จุด

ระหว่างวันดัชนีลงมาที่จุดต่ำสุด 1,2730.17 จุด (-39.91 จุด) และดัชนีสูงสุดของวันอยู่ที่ 1,291.11(-16.97 จุด)

มูลค่าการซื้อขาย 58,744 ล้านบาท

ทว่าวอลุ่มเทรดที่กระโดดขึ้นมาไม่ได้มีนัย ที่ต้องนำไปสู่การตั้งคำถามอะไร เพราะเป็นเรื่องปกติเวลาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มักจะมีวอลุ่มพุ่งเป็นธรรมดา

ประเด็นที่น่าสนใจวานนี้คือ ดัชนีหลังจากเปิดตลาดในช่วงภาคเช้านั้น

หากดูจากเส้นกราฟ จะไหลลงตลอดเวลา แทบจะไม่มีแรงถูกงัดขึ้นมา

ยิ่งพอเปิดตลาดภาคบ่าย ดัชนียังไหลลงต่อ ก่อนที่จะปิดตลาดขยับขึ้นมาได้เล็กน้อยเท่านั้นจากระดับต่ำสุด

จะว่าไปแล้ว ปรากฏการณ์กรณี Black Monday เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งสำหรับตลาดหุ้นทั่วโลกและประเทศไทย

โดยจุดเริ่มต้นมักจะเกิดจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงแรงก่อน (คืนวันศุกร์ตามเวลาไทย) และแต่ละครั้งมักจะมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป จึงยากต่อการคาดการณ์ว่า แล้วดัชนีจะกลับฟื้นได้ในช่วงเวลาไหน เพื่อให้ (ดัชนีดีดกลับ) เท่ากับก่อนเกิดเหตุการณ์ Black Monday (กับตลาดหุ้นเอเชียและยุโรป)

หรือสรุปง่าย ๆ ต้องวิเคราะห์กันไปตามสถานการณ์ และสาเหตุที่ทำให้หุ้นทั้งโลกร่วงลง

กรณีครั้งล่าสุดนี้ ได้เกิดคำถามเช่นเดียวกับทุกปีว่า ดัชนีจะดีดกลับตอนไหน

ระหว่างเขียนต้นฉบับ พบว่า ดัชนีดาวน์โจนส์ฟิวเจอร์สยังปรับลงต่อจากคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

ซึ่งลงมาติดลบแล้วประมาณ (-) 500 จุด

หากทางดาวน์โจนส์ (เมื่อคืนนี้) ยังลงต่อ แล้วหุ้นยุโรปวานนี้ต่างยังปรับลงอย่างรุนแรง

รวมถึงหุ้นเอเชียวันนี้ (6 ส.ค.) เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน ไต้หวัน วูบต่อจากวานนี้

หุ้นไทย หรือ “ปู่เซต” มีโอกาสปรับลงต่อได้อีกค่อนข้างแน่นอน

แม้ว่า “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และรมว.คลัง จะบอกว่า หุ้นไทยที่ระดับ 1,300 จุด น่าจะต่ำกว่าพื้นฐาน

วานนี้นักวิเคราะห์ต่างมองกันว่า หุ้นไทยรอบล่าสุดนี้ยังลงไม่สุด

แนวรับถัดไปอาจจะอยู่ที่บริเวณ 1,260 จุด เพียงแต่ว่า การปรับลงจะเป็นลักษณะ “ย่อตัว” หรือค่อย ๆ ซึมลง มากกว่าจะลงแบบแรง ๆ เช่นเดียวกับวานนี้

ส่วนระหว่างวันดัชนีอาจจะดีดขึ้นได้บ้าง (แต่ยังเคลื่อนไหวในแดนลบ) จากการเข้าเก็บหุ้นพื้นฐานดีจริง ๆ และราคาถูก (มาก)

จึงกลับมาสู่คำถามที่ว่า แล้ว Black Monday ครั้งนี้ น่าจะเป็นโอกาสในการ “เก็บหุ้น” หรือ “โกยเถอะโยม” ดีล่ะ!!

มีอยู่ประโยคหนึ่งที่มักจะมีการพูดคุยกันในตลาดหุ้นเวลาเกิดวิกฤต

นั่นคือ “ตลาดหุ้นคือเครื่องมือในการถ่ายโอนความมั่งคั่งจากคนที่ ‘ไม่อดทน’ ไปสู่คนที่ ‘อดทน’ เป็น”

แต่ก็มีคำมาเสริมด้วยนะ คือ “ต้องลงทุนในหุ้นที่ดีด้วย” ไม่ใช่ไปเก็บพวกหุ้นเก็งกำไร ไร้พื้นฐาน การเงินแย่ โอกาสทางธุรกิจตีบตัน ไม่สดใส

หากไปเก็บหุ้นเหล่านี้ ได้นอนก่ายหน้าผากต่อแน่นอน

Black Monday น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่ถือเงินสด ๆ ไว้ก่อนหน้านี้ แล้วทยอยเก็บหุ้นพื้นฐานดีจริง ๆ เช่น ธุรกิจเติบโตอีกมาก โอกาสถูก Disruption ต่ำ มีกระแสเงินสดดี มีพันธมิตร เป็นธุรกิจเมกะเทรนด์

และอีกกลุ่มหุ้นคือ มีประวัติการจ่ายเงินปันผลสูง และสม่ำเสมอ

รูปแบบของการเข้าซื้อ หรือเก็บหุ้น ต้อง “เข้าทีละไม้”

หรือจะเป็นรูปของการลงทุนแบบ DCA น่าจะพอได้อยู่

และส่วนใหญ่จะถูกแนะนำเป็นกลุ่มหุ้นใน SET50 (เพราะจะดีดกลับขึ้นก่อน)

หากดูจากประวัติของ Black Monday ที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งทุกครั้งตลาดจะดีดกลับ และดัชนีจะขึ้นมายืนเหนือก่อนเหตุการณ์ได้

ส่วนช้าหรือเร็ว

ก็จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ขณะนั้น

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button