พาราสาวะถี

ได้ลุ้นก่อน อีกไม่กี่อึดใจมาดูกันว่าความมั่นใจของแกนนำพรรคก้าวไกลว่าจะรอดจากการถูกยุบนั้น จะเป็นจริงหรือไม่ ไม่เกินสี่โมงเย็นพรุ่งนี้


ได้ลุ้นก่อน อีกไม่กี่อึดใจมาดูกันว่าความมั่นใจของแกนนำพรรคก้าวไกลว่าจะรอดจากการถูกยุบนั้น จะเป็นจริงหรือไม่ ไม่เกินสี่โมงเย็นพรุ่งนี้ (7 สิงหาคม) จะได้รู้กัน เมื่อเปรียบเทียบความมั่นใจระหว่างฝ่ายก้าวไกลกับเพื่อไทย ทำให้มองเห็นความแตกต่าง ฝ่ายหนึ่งแสดงความเชื่อมั่นว่าพรรคของตัวเองจะไม่ถูกยุบด้วยท่วงทำนองที่เต็มไปด้วยการท้าทาย หากมองในฝ่ายที่จะพิจารณาตัดสินถือเป็นการชี้นำ และหวังยั่วยุให้กองเชียร์เกิดอารมณ์ร่วม แสดงปฏิกิริยาอย่างหนึ่งอย่างใดหากผลไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง

ขณะที่พรรคแกนนำรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน ในฐานะผู้ที่ถูกกล่าวหา ยืนยันต่อการยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม ไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือให้ความเห็น เพราะทุกอย่างอยู่ในกระบวนการ เท่ากับเป็นการให้เกียรติ เช่นเดียวกันกับบรรดาแกนนำของเพื่อไทย แม้จะให้ความเห็นในทำนองที่ว่านายกรัฐมนตรีไม่ถูกสอย แต่ก็ไม่ใช่การให้ความเห็นในลักษณะของการก้าวล่วงการพิจารณาของศาล เป็นการมองในท่วงทำนองของข้อกฎหมายที่ส่วนใหญ่เห็นว่ายากต่อการที่จะตีความ หรืออธิบายให้สังคมคล้อยตามได้

ทั้งนี้ หากมองไปยังความเคลื่อนไหวของทั้งสองฝั่งแล้ว ต้องยอมรับความจริงของสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไปสู่การเมืองของนักเลือกตั้งอาชีพ แต่ไม่ใช่การปล่อยมือให้เป็นอิสระตามครรลอง นั่นเป็นเพราะผลจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ต่อเนื่องมาถึง 2566 มันเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ถ้าไม่มีการควบคุม ปล่อยให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้งเข้าสู่อำนาจบริหาร บ้านเมืองจะวุ่นวายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากพรรคที่ถือธงนำการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องการจะปรับเปลี่ยนแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน

ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ มองเห็นทิศทางของผลแห่งคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในวันที่ 7 และ 14 สิงหาคมนี้ กระแสเรื่องนายกฯ สำรองไม่ว่าจะมองมุมไหนความเป็นไปได้แทบจะไม่มี ในเมื่อเบื้องหลังมีการเจรจากันไปไกลกว่าประเด็นว่า จะหาใครมาแทนเศรษฐา นั่นหมายความว่าทุกอย่างสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้รัฐบาลเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะต้องปั้นและดันให้ประชาชนสามารถใช้เงินได้ภายในเดือนธันวาคมนี้

หากเศรษฐาจบเรื่องคดี ตามมาด้วย ทักษิณ ชินวัตร พ้นโทษได้รับใบบริสุทธิ์แล้ว จะได้เห็นการขับเคลื่อนขนานใหญ่ ทั้งในส่วนฝ่ายบริหาร และทางการเมืองภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ดีลพิเศษไม่ได้จบแค่ที่การตั้งรัฐบาล เพราะผู้มีอำนาจแท้จริงของพรรคเพื่อไทยรู้ดีว่า การเข้าสู่อำนาจภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะต้องทำให้ทุกอย่างนิ่ง รัฐบาลมีเสถียรภาพ ภายใต้การบริหารจัดการเสียงสนับสนุนที่ต้องไม่หยุดแค่ 314 เสียงที่มีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น

การต่อรอง ยื่นหมูยื่นแมวกับ สส.ในซีกฝ่ายค้านเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยจำนวนไม่น้อยแทบจะเรียกได้ว่าเป็นขาประจำในการโหวตสวนมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน ย่อมแสดงให้เห็นถึงอิทธิฤทธิ์ของการแจกกล้วย ขณะเดียวกัน ภายในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองที่มองเห็นความปั่นป่วน ดูเหมือนไม่มีเอกภาพอย่างพลังประชารัฐ แท้จริงแล้วเป็นเพียงการแสดงบทบาทของพวกที่อยู่ในฝ่ายซึ่งไม่ได้มีอำนาจนำในพรรค และบทบาทในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ไม่เพียงแต่การแสดงตัวว่าหนุนเศรษฐาเต็มที่ ทุกการขับเคลื่อนของกลุ่ม สส.ในซีกของ ธรรมนัส พรหมเผ่า สะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ และการทอดไมตรีเตรียมพร้อมในการเปลี่ยนสีเสื้อสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป นอกจากนั้น ผลของการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่เพิ่งผ่านไป ชัยชนะของผู้สมัครจากเพื่อไทยที่พะเยา การกำชัยของ สมทรง พันธุ์เจริญวรกุล ที่มาในคราบไคลของภูมิใจไทยที่พระนครศรีอยุธยา และการเข้าวินของพี่สาวคนโตแห่งบ้านนาคาศัยที่ชัยนาท ล้วนเป็นภาพที่ทำให้เห็นพลังของบ้านใหญ่ที่ยังแข็งแกร่ง

อาจจะยังนำมาเทียบเคียงกันไม่ได้กับการเลือกตั้ง สส. แต่ต้องไม่ลืมว่าการเลือกตั้งหนที่ผ่านมานั้น กระแสพรรคสีส้มมาแรง เบียดพวกบ้านใหญ่ในหลายพื้นที่กลายเป็นผู้สอบตกกันเป็นแถว พอมาถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับนายก อบจ. เป็นที่คาดหมายกันว่า ผู้สมัครของพรรคก้าวไกลน่าจะเข้าป้ายกันเป็นว่าเล่น ผลกลับไม่เป็นอย่างนั้น หลายจังหวัดทางพรรคประกาศไม่ส่งคนลงสมัคร ไม่ใช่หาคนลงไม่ทัน หากแต่เป็นเรื่องการประเมินแล้วว่า ส่งไปก็แพ้ แล้วจะแข่งขันเพื่อให้พรรคเสียรังวัดเปล่า ๆ ปลี้ ๆ ทำไม

ความจำเป็นของฐานบ้านใหญ่ในแทบทุกจังหวัดยังคงมีอยู่ต่อไป จึงเป็นสิ่งที่นายใหญ่ รวมทั้งพรรคร่วมอย่างภูมิใจไทย ให้ความสำคัญกับการดูแลและสนับสนุนตัวแทนบ้านใหญ่ ต่างกันตรงที่เพื่อไทยใช้สูตรผสมผสานสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีบทบาทนำ นำโดย แพทองธาร ชินวัตร เป้าหมายคือ ใช้ผลงานของรัฐบาลเป็นเครื่องพิสูจน์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั่วไปที่เป็นฐานหลัก ส่วนคนรุ่นใหม่ก็จะใช้ผลงานบวกกับนโยบายที่จะผลิตออกมาให้เกิดการยอมรับ รวมไปถึงการสร้างมวลชนเชิงรุกผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งบรรดากุนซือของพรรคแกนนำรัฐบาลมองว่าที่ผ่านมาปล่อยให้ก้าวไกลเดินเกมอยู่ฝ่ายเดียว

รูปธรรมจากการทำงานของรัฐบาลที่ทักษิณประกาศไว้ว่าจะเห็นชัดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไปนั้น การเปิดลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่เห็นความคึกคักของประชาชน น่าจะเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ลำพังการทำงานที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเศรษฐานั้น ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจได้ จึงจำเป็นที่ต้องเห็นภาพการเป็นที่ปรึกษาหรือตำแหน่งใดก็ตามแต่ที่นายกฯ จะตั้งให้ทักษิณมาร่วมขบวนหลังพ้นโทษ เพื่อให้เกิดการยอมรับในภาพกว้าง

ความกังวลเรื่องกระแสต่อต้านจากฝ่ายที่ไม่เอาระบอบอุปโลกน์อย่างระบอบทักษิณนั้น เป็นเรื่องที่ผ่านการวิเคราะห์เรียบร้อยแล้วว่า พวกขาใหญ่ทั้งหลายไม่ได้มีกำลังวังชาที่จะมาต่อต้าน ยิ่งนานวันยิ่งจะเห็นได้ว่าเครือข่ายที่เคยเป็นปฏิปักษ์ต่อกันก่อนหน้านั้น ต้องยอมรับสภาพการก้าวข้ามความขัดแย้ง มีแค่สองทางเลือกคือวางเฉย ไม่วุ่นวาย หรือร่วมเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาล ดังนั้น เมื่อปัจจัยด้านลบถูกปัดเป่าไปได้มากแล้ว จึงเป็นเวลาที่ทักษิณ เศรษฐา และพรรคร่วมต้องเร่งสร้างผลงานให้ปรากฏ

อรชุน

Back to top button